เปิดลิสต์ 7 ผัก–ผลไม้ธาตุเหล็กสูง แหล่งบำรุงเลือดสำคัญของคนวัยทำงาน–วีแกน

08 ธ.ค. 2568 | 22:15 น.

รวม 7 ผักและผลไม้ที่อุดมด้วยธาตุเหล็ก ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง บำรุงพลังงาน เหมาะกับผู้หญิงวัยทำงาน ผู้สูงอายุ และผู้ที่กินเจ–วีแกน

KEY

POINTS

  • บทความแนะนำ 7 แหล่งธาตุเหล็กจากพืชเพื่อบำรุงเลือด ได้แก่ ถั่วเลนทิล, ถั่วชิกพี, เม็ดมะม่วงหิมพานต์, เต้าหู้, เมล็ดฟักทอง, คะน้า และแอปริคอตแห้ง
  • อาหารเหล่านี้เป็นแหล่งธาตุเหล็กสำคัญสำหรับกลุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะคนวัยทำงานและผู้ที่รับประทานวีแกนหรือมังสวิรัติ เพื่อป้องกันภาวะโลหิตจาง
  • การดูดซึมธาตุเหล็กจากพืชจะดีขึ้น 2-3 เท่า เมื่อรับประทานควบคู่กับอาหารที่มีวิตามินซีสูง เช่น คะน้าที่มีวิตามินซีในตัวเอง

ธาตุเหล็ก (Iron) เป็นแร่ธาตุสำคัญที่ช่วยสร้างฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง ซึ่งมีหน้าที่ลำเลียงออกซิเจนไปทั่วร่างกาย ขาดธาตุเหล็ก อาจนำไปสู่ภาวะโลหิตจาง ทำให้เหนื่อยง่าย หน้ามืด อ่อนแรง และส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันได้ โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง เช่น

  • ผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์
  • เด็กและวัยรุ่นที่กำลังเจริญเติบโต
  • ผู้สูงอายุ
  • ผู้ที่รับประทานอาหารมังสวิรัติหรือวีแกน
  • ผู้ตั้งครรภ์

แม้ธาตุเหล็กจากพืช (Non-heme iron) จะดูดซึมได้ไม่ดีเท่าจากสัตว์ แต่การรับประทานอาหารให้หลากหลาย และจับคู่กับแหล่งวิตามินซี สามารถเพิ่มอัตราการดูดซึมได้ถึง 2–3 เท่า และนี้คือ 7 แหล่งพืชที่มีธาตุเหล็กสูง พร้อมประโยชน์เชิงลึกที่ควรรู้

1. ถั่วเลนทิล (Lentils)

ปริมาณธาตุเหล็ก: ประมาณ 6.6 มก./ถ้วยสุก (USDA)

เลนทิลถือว่าเป็นหนึ่งในพืชที่มีธาตุเหล็กสูงที่สุดในหมวดพืชตระกูลถั่ว นอกจากช่วยบำรุงเลือด ยังให้โปรตีนสูงเกือบเทียบเท่าเนื้อสัตว์ และมีไฟเบอร์สูงมาก ช่วยลดคอเลสเตอรอลและควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด เหมาะกับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักหรือดูแลสุขภาพหัวใจ เลนทิลยังเป็นอาหารที่ย่อยง่ายกว่าถั่วหลายชนิด จึงเหมาะกับผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับลำไส้

2. ถั่วชิกพี (Chickpeas)

ปริมาณธาตุเหล็ก: 4.7 มก./ถ้วยสุก

ถั่วชิกพีเป็นแหล่งโปรตีนและธาตุเหล็กชั้นเยี่ยมของผู้กินวีแกน มีกรดโฟเลตสูง ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างเม็ดเลือดแดง นอกจากนี้ยังมีใยอาหารสูง ช่วยลดระดับไขมันในเลือด อาหารยอดนิยมคือ “ฮัมมุส” (Hummus) ที่ทำจากถั่วชิกพีบด ซึ่งให้พลังงานสูงและอิ่มนาน เหมาะกับผู้ที่ออกกำลังกายหรือควบคุมน้ำหนัก

3. เม็ดมะม่วงหิมพานต์

ปริมาณธาตุเหล็ก: ประมาณ 2 มก./30 กรัม

เม็ดมะม่วงหิมพานต์เต็มไปด้วยไขมันดี วิตามิน K และแร่ธาตุสำคัญหลายชนิด โดยเฉพาะแมกนีเซียมที่ช่วยให้กล้ามเนื้อและระบบประสาททำงานเป็นปกติ ประโยชน์เด่นคือช่วยบำรุงเลือดและเสริมสร้างเนื้อเยื่อ กลุ่มคนทำงานที่ใช้สมองหนักหรือพักผ่อนน้อยนิยมรับประทานเพื่อเพิ่มพลังงาน

4. เต้าหู้

ปริมาณธาตุเหล็ก: 3–3.6 มก./½ ถ้วย (ขึ้นกับยี่ห้อและกรรมวิธี)

เต้าหู้เป็นโปรตีนคุณภาพสูงและเป็นหนึ่งในแหล่งแคลเซียมและธาตุเหล็กของผู้กินมังฯ เต้าหู้ยังมี “ไอโซฟลาโวน” (Isoflavones) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจและบางชนิดของมะเร็ง เต้าหู้จึงเป็นแหล่งอาหารสำคัญของผู้ที่ไม่ทานเนื้อสัตว์

5. เมล็ดฟักทอง

ปริมาณธาตุเหล็ก: 2.5 มก./28 กรัม

เมล็ดฟักทองเป็นของว่างธรรมชาติที่อุดมด้วยธาตุเหล็ก สังกะสี และแมกนีเซียมสูง โดยเฉพาะสังกะสีที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันและสมานแผล นอกจากนี้ยังมีไขมันดีที่มีบทบาทต่อการควบคุมคอเลสเตอรอล เหมาะทั้งผู้สูงอายุ คนวัยทำงาน และกลุ่มออกกำลังกาย

6. คะน้า (Kale)

ปริมาณธาตุเหล็ก: 1–1.5 มก./100 กรัม

แม้คะน้าจะมีธาตุเหล็กไม่สูงเท่าถั่ว แต่โดดเด่นด้วยวิตามินซีที่มีปริมาณสูงตามธรรมชาติ ซึ่งเป็นตัวช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กจากพืชได้ดีขึ้น คะน้ายังเป็นแหล่งสารต้านอนุมูลอิสระสำคัญ เช่น ลูทีน และเบต้าแคโรทีน ที่ช่วยถนอมสายตาและปกป้องเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย

7. แอปริคอตแห้ง (Dried Apricots)

ปริมาณธาตุเหล็ก: 2.7 มก./100 กรัม

แอปริคอตแห้งเป็นผลไม้แห้งที่มีธาตุเหล็กสูง ให้พลังงานดี และมีกากใยช่วยระบบขับถ่าย ไฟโตนิวเทรียนต์ในแอปริคอตช่วยลดการอักเสบและเสริมสุขภาพผิวเนื่องจากหวานจากน้ำตาลธรรมชาติ ควรรับประทานในปริมาณพอเหมาะ

ดังนั้นธาตุเหล็กไม่จำเป็นต้องได้จากเนื้อสัตว์เท่านั้น แหล่งพืชหลายชนิดสามารถให้ธาตุเหล็กในปริมาณที่เพียงพอ หากรับประทานอย่างหลากหลายและคู่กับอาหารที่ช่วยดูดซึม โดยเฉพาะในผู้ที่ทานเจ วีแกน ผู้หญิงวัยทำงาน และผู้ที่มีความต้องการธาตุเหล็กมากขึ้น