หมดแรงตั้งแต่ยังไม่เริ่ม อินไซต์คนยุคใหม่ที่อยากฟิตแต่ไม่ไหว

24 ต.ค. 2568 | 04:09 น.
อัปเดตล่าสุด :26 ต.ค. 2568 | 03:13 น.

ผลสำรวจ YouGov ชี้ “ความเหนื่อยล้า” คือเหตุผลใหญ่ที่คนยุคใหม่ไม่สามารถดูแลสุขภาพได้ แม้รู้ว่าการกินดีและออกกำลังกายช่วยลดความเสี่ยงโรคมะเร็งกว่า 40% แต่ชีวิตที่เร่งรีบทำให้สุขภาพกลายเป็นเรื่องที่ต้องต่อคิว

KEY

POINTS

  • คนยุคใหม่จำนวนมากอยากมีสุขภาพดีแต่ไม่สามารถทำได้ตามเป้าหมาย เนื่องจากความเหนื่อยล้าจากภาระงานและชีวิตประจำวันที่เร่งรีบ
  • อุปสรรคสำคัญที่ทำให้คนไม่ออกกำลังกายและกินอาหารเพื่อสุขภาพคือ ความเหนื่อยล้า, การขาดแรงจูงใจ, การไม่มีเวลา และต้นทุนอาหารสุขภาพที่สูง
  • การส่งเสริมสุขภาพไม่ใช่แค่เรื่องความรู้ส่วนบุคคล แต่ต้องอาศัยการสนับสนุนเชิงโครงสร้างจากสังคม เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อให้คนลงมือทำได้จริง

ผลสำรวจจาก YouGov ในสหราชอาณาจักรเผยสาเหตุที่ 35% ของผู้ตอบแบบสอบถามไม่สามารถปรับพฤติกรรมสุขภาพได้ตามตั้งใจ เพราะ “เหนื่อยเกินไป” จากภาระงานและชีวิตประจำวันที่เร่งรีบ โดยมูลนิธิวิจัยมะเร็งโลก (World Cancer Research Fund: WCRF) ระบุว่า ความเหนื่อยและแรงจูงใจต่ำคืออุปสรรคสำคัญต่อการสร้างนิสัยสุขภาพดี ทั้งการกินอาหารที่เหมาะสมและการออกกำลังกายสม่ำเสมอ

แม้หลายคนรู้ว่าควรกินผักผลไม้มากขึ้น หรือเดินแทนขับรถ แต่หลังเลิกงานกลับเลือกพักผ่อนหน้าทีวีพร้อมอาหารจานด่วน ความจริงข้อนี้ไม่ต่างจากสังคมไทยในปัจจุบัน ที่คนเมืองจำนวนมากทำงานยาวนาน เดินทางไกล และไม่มีเวลาสำหรับการดูแลสุขภาพของตนเอง

เมื่อ “เหนื่อย” กลายเป็นข้ออ้างระดับชาติ

ผลสำรวจชี้ว่า 40% ของผู้หญิง และ 29% ของผู้ชายในอังกฤษยอมรับว่า “ความเหนื่อยล้า” คือเหตุผลหลักที่ไม่ออกกำลังกาย ส่วนอีก 38% ระบุว่า “ขาดแรงจูงใจ” ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมคนไทยที่มีแนวโน้มคล้ายกัน จากรายงานของกรมอนามัยพบว่าคนไทยกว่า 60% ไม่ออกกำลังกายเพียงพอต่อสัปดาห์ โดยให้เหตุผลว่า “ไม่มีเวลา” และ “เหนื่อยจากงาน”

ต้นทุนของอาหารสุขภาพยังเป็นอีกปัจจัยสำคัญ ทั้งในอังกฤษและไทย การเข้าถึงอาหารดีมีคุณภาพมักมีราคาแพง ขณะที่อาหารฟาสต์ฟู้ดหรือของทอดกลับหาง่ายและราคาถูกกว่า ซึ่งทำให้ผู้มีรายได้น้อยเลือกทางที่สะดวกกว่าแม้รู้ว่าไม่ดีต่อสุขภาพ

WCRF ชี้ “สุขภาพดีเริ่มได้จากการเปลี่ยนเล็ก ๆ”

มูลนิธิ WCRF เตรียมเปิดตัว “แผนชีวิตสุขภาพดี 8 สัปดาห์” เพื่อช่วยให้คนเริ่มสร้างนิสัยง่าย ๆ เช่น ทำอาหารเองมากขึ้น ออกกำลังกายเบา ๆ วันละไม่กี่นาที เพราะงานวิจัยยืนยันว่าการกินดีและเคลื่อนไหวร่างกายสม่ำเสมอช่วยลดความเสี่ยงโรคมะเร็งและโรคเรื้อรังอื่น ๆ ได้มากถึง 40%

ในประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุขเองก็พยายามผลักดันแนวคิด “สุขภาพดีเริ่มที่ตัวเรา” ผ่านโครงการอย่าง “คนไทยฟิตแอนด์เฟิร์ม” และ “ลดหวาน มัน เค็ม” แต่ยังเผชิญความท้าทายจากพฤติกรรมคนเมืองและแรงกดดันทางเศรษฐกิจที่ทำให้คนจำนวนมากละเลยสุขภาพของตน

บทเรียนจากอังกฤษสะท้อนให้เห็นว่าการส่งเสริมสุขภาพไม่ใช่แค่เรื่องของความรู้ แต่คือ “โครงสร้างของชีวิตประจำวัน” ที่เอื้อให้ลงมือทำได้จริง ประเทศไทยจำเป็นต้องออกแบบระบบสนับสนุนสุขภาพให้เข้าถึงง่ายและไม่สิ้นเปลือง ทั้งพื้นที่ออกกำลังกายฟรี อาหารปลอดภัยราคาย่อมเยา และแรงจูงใจจากนายจ้างให้พนักงานดูแลสุขภาพ

หากสังคมยังให้รางวัลกับ “การทำงานหนักแต่พักน้อย” คนจำนวนมากจะยังคงตกอยู่ในวังวนของความเหนื่อยล้า และสุขภาพที่ถดถอยในระยะยาว

เพราะสุดท้าย “สุขภาพดี” ไม่ได้เริ่มจากการมีเวลา แต่เริ่มจากสังคมที่เข้าใจว่า “การพักก็เป็นส่วนหนึ่งของการดูแลตัวเอง” เช่นกัน

 

ข้อมูลจาก : newsletter