KEY
POINTS
นพ.วรพจน์ วิจารณ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านออร์โธปิดิกส์ จาก Endospine Center -ศูนย์กระดูกสันหลังและข้อ โรงพยาบาลวัฒนา อุดรธานี เปิดเผยว่า อาการปวดหลัง ร้าวสะโพก หรือชาขา เป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อยในทุกช่วงวัย โดยเฉพาะในยุคที่ผู้คนใช้เวลานั่งทำงานนานขึ้น หรือเคลื่อนไหวน้อยลง ซึ่งหลายคนอาจมองว่าเป็นอาการเล็กน้อย แต่แท้จริงแล้วอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคกระดูกสันหลังที่ควรได้รับการตรวจวินิจฉัยอย่างถูกต้อง
ทั้งนี้ สาเหตุของอาการปวดหลังส่วนใหญ่เกิดจากพฤติกรรมการใช้ร่างกายผิดวิธีที่สะสมจนเกิดการเสื่อมของหมอนรองกระดูกสันหลัง การก้มยกของผิดท่า การยกของหนักเกินกำลัง หรือการนั่งกับพื้นนาน ๆล้วนทำให้กระดูกสันหลังรับแรงกดมากกว่าปกติ จนหมอนรองกระดูกมีโอกาสแตกและเสื่อมได้ง่ายขึ้น
สำหรับกลุ่มเสี่ยงที่ควรระวังนั้น จะแบ่งผู้ป่วยออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ตามช่วงอายุ กลุ่มวัยทำงาน (อายุ 30–50 ปี) มักพบปัญหา หมอนรองกระดูกแตกทับเส้นประสาท
โดยอาการคือ ปวดหลังร่วมกับปวดสะโพกร้าวลงขา กลุ่มผู้สูงอายุ (อายุ 50–70 ปี) มักมีภาวะ กระดูกสันหลังตีบแคบทับเส้นประสาท จะมีอาการปวดสะโพก ชาช่วงขา และเดินได้ระยะทางสั้นลง
ด้านแนวทางการรักษา เริ่มจากยาถึงเทคโนโลยีผ่าตัดผ่านกล้องโดยทั่วไป แพทย์จะเริ่มรักษาด้วยการให้ยาเพื่อลดอาการอักเสบและบรรเทาอาการปวดหากผู้ป่วยตอบสนองดี ก็ไม่จำเป็นต้องผ่าตัด
แต่หากอาการเรื้อรัง ไม่ตอบสนองต่อยา หรือร่างกายหมดความสามารถในการซ่อมแซมตัวเองแล้ว การผ่าตัดอาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสม แต่ปัจจุบันมีเทคโนโลยีผ่าตัดผ่านกล้องที่ทันสมัยมากใช้แผลขนาดเล็ก เจาะเฉพาะจุดที่เกิดปัญหาบาดเจ็บน้อย ฟื้นตัวไว และสามารถกลับบ้านได้ภายใน 1–2 วัน
“วิทยการการรักษาดังกล่าวคือ เอนโดสปาย (EndoSpine) ผ่าตัดเฉพาะจุด เห็นชัด ปลอดภัยกว่าเดิม เทคโนโลยี EndoSpine คือการผ่าตัดผ่านกล้องชนิดพิเศษที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับกระดูกสันหลัง ช่วยให้แพทย์สามารถมองเห็นจุดที่กดทับเส้นประสาทได้อย่างชัดเจน และผ่าตัดเฉพาะส่วนที่จำเป็นโดยไม่กระทบต่อโครงสร้างรอบข้าง ข้อดีคือเราแก้ไขเฉพาะจุด ไม่ต้องรื้อโครงสร้างทั้งหมด แผลเล็ก เสียเลือดน้อย ความเสี่ยงต่ำ และฟื้นตัวได้เร็ว”
อย่างไรก็ตาม แม้เทคโนโลยีการรักษาจะก้าวหน้า แต่การป้องกันยังเป็นสิ่งสำคัญที่สุด โดยแนะนำว่า การดูแลกระดูกสันหลังเริ่มต้นได้จากพฤติกรรมในชีวิตประจำวันก้มยกของให้ถูกวิธี ด้วยการใช้แรงจากขาและสะโพกแทนการงอหลัง อย่ายกของเกินกำลัง ผู้ชายไม่ควรเกิน 30 กิโลกรัม ผู้หญิงไม่เกิน 20 กิโลกรัม หลีกเลี่ยงการนั่งกับพื้นหรือนั่งเตี้ย ๆ เพราะทำให้หลังรับแรงกดมาก
นั่งหลังตรงเมื่อทำงานหรือขับรถ ปรับพนักพิงให้อยู่ในแนวธรรมชาติของหลังพักเบรกทุก 1 ชั่วโมง หากต้องนั่งนานออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อเสริมกล้ามเนื้อหลังและแกนกลางลำตัวให้แข็งแรง สุดท้ายคือ ต้องออกกำลังกายครับ เพราะการออกกำลังกายช่วยได้ทุกอย่าง