KEY
POINTS
พญ. วรารัตน์ สิริกุตตา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) โรงพยาบาลเมโกะ อินเตอร์เนชั่นแนล (MEKO INTERNATIONAL HOSPITAL) กล่าวว่า การส่งเสริมการท่องเที่ยวสามารถช่วยกระตุ้นธุรกิจศัลยกรรมความงามได้โดยอ้อม โดยเฉพาะในรูปแบบของ Medical Tourism ที่มีการเติบโตสูงในหลายประเทศ การเชื่อมโยงระหว่างการท่องเที่ยวและการแพทย์จะช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับทั้งสองอุตสาหกรรม
การท่องเที่ยวและการแพทย์สามารถเชื่อมโยงกันได้โดยตรง เมื่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเติบโต การดึงดูดนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศจะมีผลในการเพิ่มจำนวนลูกค้าสำหรับธุรกิจ Medical Tourism
ซึ่งรวมถึงบริการศัลยกรรมความงามด้วย การที่นักท่องเที่ยวมาที่ประเทศไทยเพื่อท่องเที่ยวและรับบริการศัลยกรรมจะเพิ่มโอกาสในการขยายตลาดการแพทย์ความงามไทยให้เติบโตขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงจากต่างประเทศ
นอกจากนี้ เมโกะแนะนำให้รัฐบาลส่งเสริมการพัฒนา Infrastructure และการปรับปรุงการเดินทางต่าง ๆ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากต่างชาติให้มากขึ้น โดยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น การขยายสนามบิน การเพิ่มเที่ยวบินจากประเทศที่มีตลาดศัลยกรรมสูง เช่น จีน อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และมาเลเซีย รวมถึงการพัฒนาระบบการคมนาคมให้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
การพัฒนาในด้านนี้จะช่วยให้การเดินทางของนักท่องเที่ยวที่ต้องการรับบริการ Medical Tourism ในประเทศไทยเป็นไปอย่างสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ส่งผลให้ประเทศไทยสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวและลูกค้าใหม่ ๆ ได้มากขึ้น ทำให้ธุรกิจศัลยกรรมความงามมีโอกาสเติบโตในระดับสากล
พญ. วรารัตน์ กล่าวต่อว่า ธุรกิจศัลยกรรมและความงามในประเทศไทยยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับแรงขับเคลื่อนจากกระแส Medical Tourism และการเพิ่มขึ้นของความนิยมในกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ เช่น Gen Y ผู้หญิง และ LGBTQIA+
ซึ่งให้ความสำคัญกับการดูแลภาพลักษณ์ การควบรวมธุรกิจระหว่าง เมโกะ คลินิก และ โซ เมโกะ คลินิก เพื่อก่อตั้ง MEKO INTERNATIONAL HOSPITAL เป็นการตอบสนองต่อความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป และขยายขีดความสามารถในการให้บริการด้านความงามที่ครบวงจร ทั้งการดูแลผิวพรรณ ศัลยกรรม และเวชศาสตร์ความงาม
สอดรับกับรายงานจาก ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ที่ระบุว่า มูลค่าตลาดศัลยกรรมและเสริมความงามในประเทศไทยในปี 2568 จะอยู่ที่ประมาณ 7 หมื่นล้านบาท และมีแนวโน้มขยายตัวอย่างก้าวกระโดดสู่ระดับ 5.2 แสนล้านบาทภายในปี 2573 ซึ่งคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยที่ 47-48% ต่อปี การเติบโตนี้ได้รับแรงขับเคลื่อนจากการเพิ่มขึ้นของ Medical Tourism โดยเฉพาะการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามารับบริการทางการแพทย์ในไทย
ประเทศไทยไม่เพียงเป็นจุดหมายสำคัญในด้านการท่องเที่ยว แต่ยังถือเป็น ศูนย์กลางด้านหัตถการและศัลยกรรมความงามในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาเพื่อรับบริการทางการแพทย์ เช่น การตรวจสุขภาพ การรักษาเฉพาะทาง และการศัลยกรรม มากกว่า 2 ล้านครั้งต่อปี ซึ่งเกิดจากความเชื่อมั่นในทักษะและฝีมือของแพทย์ไทย รวมถึงการรับรองมาตรฐานคุณภาพและความปลอดภัยจาก JCI (Joint Commission International) และการนำนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ทันสมัยมาให้บริการ
1.ตอบรับเทรนด์ตลาดที่เปลี่ยนไป
เดิม เมโกะ คลินิก เน้นให้บริการหัตถการเล็กๆ เช่น การฉีดโบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ และการดูแลผิวพรรณ แต่ปัจจุบันลูกค้าหันมาสนใจศัลยกรรมใหญ่ที่ต้องการการพักฟื้นในโรงพยาบาล เช่น การเสริมจมูก การเสริมหน้าอก หรือการดึงหน้า ซึ่งคลินิกทั่วไปไม่สามารถรองรับได้ การสร้างโรงพยาบาลเมโกะ จึงเป็นคำตอบที่ถูกต้อง เพราะสามารถรองรับลูกค้าที่ต้องการศัลยกรรมใหญ่ได้
2.เติมเต็มซึ่งกันและกัน
เมโกะ คลินิก มีเชี่ยวชาญในการดูแลผิวพรรณและการทำหัตถการที่ไม่ต้องผ่าตัด เช่น การฉีดโบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ ส่วน โซ เมโกะ คลินิก มีเชี่ยวชาญในด้านศัลยกรรม เช่น การเสริมจมูก การเสริมหน้าอก หรือการดึงหน้า เมื่อทั้งสองมารวมกัน จะทำให้สามารถให้บริการความงามได้ครบวงจร ทั้งการบำรุงผิวพรรณและการศัลยกรรม
การควบรวมธุรกิจนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ 3 อย่าง
1.เปลี่ยนสถานะจาก "คลินิก" เป็น "โรงพยาบาล" ทั้งสองฝ่ายรวมกันและสร้าง MEKO INTERNATIONAL HOSPITAL ขึ้นมา เพื่อให้บริการศัลยกรรมความงามได้อย่างครบถ้วนภายใต้มาตรฐานโรงพยาบาล
2.รวมแบรนด์ เพื่อให้แบรนด์มีทิศทางเดียวกันและใช้ชื่อที่แข็งแกร่งที่สุด จึงตัดสินใจใช้ชื่อ "เมโกะ" เป็นหลัก
3.ทีมแพทย์ยังอยู่ครบ ถึงแม้จะเปลี่ยนชื่อแต่ทีมแพทย์และบุคลากรเดิมของทั้งสองคลินิกยังคงทำงานร่วมกัน ทำให้มั่นใจได้ว่าความเชี่ยวชาญและคุณภาพการรักษายังคงเดิม
การลงทุนของ เมโกะสำหรับการก่อตั้ง MEKO INTERNATIONAL HOSPITAL ใหม่มีรายละเอียดที่สำคัญดังนี้
การลงทุนนี้เป็นส่วนหนึ่งของการรวมกิจการระหว่าง เมโกะ คลินิก และ โซ เมโกะ คลินิก เพื่อสร้างโรงพยาบาลเมโกะ ที่จะเน้นการโปรโมตหัตถการหลัก เช่น ศัลยกรรมจมูก, ศัลยกรรมหน้าอก, และ ศัลยกรรมดึงหน้า โดยมีการออกแบบและลงทุนเพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจและตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มองหาบริการศัลยกรรมที่มีคุณภาพในระดับสากล
ปัจจุบันมีทั้งหมด 3 สาขา ได้แก่
เมโกะมองว่ากำลังซื้อของคนไทยมีจำกัด และคนไทยส่วนหนึ่งนิยมเทรนด์เกาหลี ทำให้ธุรกิจต้องหันไปพึ่งพากำลังซื้อจากต่างประเทศมากขึ้น
กำลังซื้อจากต่างชาติที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาจากประเทศสำคัญ ได้แก่ อินโดนีเซีย, จีน, สิงคโปร์, และมาเลเซีย โดย อินโดนีเซีย ถูกเน้นเป็นพิเศษ เนื่องจากมีเศรษฐกิจที่กำลังเติบโต GDP เพิ่มขึ้น และมีประชากรที่มีกำลังซื้อสูง
คาดการณ์ว่าสัดส่วนลูกค้าต่างชาติจะเพิ่มขึ้นจากเดิม 20% เป็น 25% ภายในปี 2569 โดยลูกค้าจากอินโดนีเซียคาดว่าจะมีสัดส่วนประมาณ 15% ของฐานลูกค้าทั้งหมด และจีนประมาณ 5-7%
ลูกค้าต่างชาติส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม Upper Middle ถึง High Income ซึ่งใช้จ่ายสูงมาก โดยมียอดต่อบิลขั้นต่ำประมาณ 300,000 – 500,000 บาท และบางครั้งอาจสูงถึงหลักล้านบาท เนื่องจากลูกค้าเหล่านี้มักจะทำหลายหัตถการในครั้งเดียว