ส่องพฤติกรรมการซื้อสินค้าคนไทย เดือน ส.ค. ความงาม–แฟชั่นโตแรง

22 ก.ย. 2568 | 05:18 น.
อัปเดตล่าสุด :22 ก.ย. 2568 | 05:28 น.

สนค.เผยสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภค ส.ค. 2568 พบประชาชนกว่า 61% ยังเลือกซื้อสินค้าไทย สินค้าอาหารและเครื่องดื่มครองแชมป์ยอดนิยม ขณะที่สินค้าความงามและแฟชั่นมาแรงในกลุ่มคนรุ่นใหม่ สะท้อนโอกาสการเติบโตในอนาคต

KEY

POINTS

  • ผลสำรวจชี้ว่าคนไทยยังคงนิยมซื้อสินค้าไทย โดยสินค้าหมวดความงามและแฟชั่นมีแนวโน้มเติบโตสูงและได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
  • กลุ่มผู้บริโภคที่มีอายุน้อย (ต่ำกว่า 29 ปี) เป็นกำลังซื้อสำคัญที่ขับเคลื่อนการเติบโตของสินค้าหมวดความงามและของใช้ส่วนบุคคล
  • แม้เหตุผลหลักในการซื้อสินค้าไทยโดยรวมคือคุณภาพและราคา แต่สินค้าความงามและแฟชั่นเป็นหมวดที่ผู้บริโภคมีแนวโน้มจะซื้อเพิ่มขึ้นมากที่สุดในอนาคต

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เดือนสิงหาคม 2568 จำนวน 5,467 ราย ซึ่งครอบคลุมประชาชนทั่วประเทศ เกี่ยวกับพฤติกรรมการเลือกซื้อสินค้าไทยของประชาชน ผลการสำรวจพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ยังคงมีความนิยมในการเลือกซื้อสินค้าไทย โดยเฉพาะสินค้าในหมวดอาหารและเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมสูงสุด

ขณะที่สินค้าหมวดความงามและแฟชั่นได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มขยายตัวได้ดีในอนาคต โดยมีรายละเอียดผลการสำรวจดังนี้

ความนิยมการเลือกซื้อสินค้าไทยของประชาชน ในภาพรวมพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ยังมีการซื้อสินค้าไทย โดยสินค้าที่ได้รับความนิยม ได้แก่ 

  • อาหารและเครื่องดื่ม ที่ร้อยละ 42.99 
  • สินค้าแฟชั่นและเครื่องประดับ ที่ร้อยละ 15.85 
  • ของใช้ในบ้านและของตกแต่งบ้าน ที่ร้อยละ 14.64 
  • สินค้าสุขภาพ ที่ร้อยละ 10.68 สินค้าความงาม
  • ของใช้ส่วนบุคคล ที่ร้อยละ 9.90 และ
  • เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ที่ร้อยละ 7.25 

ทั้งนี้ เมื่อดูกลุ่มอายุพบว่า ประชาชนที่มีอายุต่ำกว่า 29 ปี นิยมเลือกซื้อสินค้าความงามและของใช้ส่วนบุคคลสูงกว่ากลุ่มอื่น ขณะที่กลุ่มอายุมากกว่า 30 ปีขึ้นไป มีการเลือกซื้อสินค้าแฟชั่นและเครื่องประดับและสินค้าสุขภาพมากกว่า 

ขณะเดียวกัน สาเหตุที่ทำให้ประชาชนเลือกซื้อสินค้าไทย ในภาพรวมพบว่า ประชาชนตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าไทยจากเหตุผลด้านคุณภาพของสินค้าและราคาถูกเป็นสำคัญ ที่ร้อยละ 24.55 และ 24.12 ตามลำดับ และตามมาด้วยความสะดวก ที่ร้อยละ 22.06 

 

ส่องพฤติกรรมการซื้อสินค้าคนไทย เดือน ส.ค. ความงาม–แฟชั่นโตแรง

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาตามรายสินค้าพบว่า ในแต่ละหมวดสินค้ามีเหตุผลการเลือกซื้อที่แตกต่างกันออกไป โดยกลุ่มที่เลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ประชาชนให้ความสำคัญกับคุณภาพมากที่สุด 

สำหรับแนวโน้มการซื้อสินค้าของประชาชนในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2568 ในภาพรวม พบว่า ประชาชนยังคงมีแนวโน้มเลือกซื้อสินค้าไทยเท่าเดิม ที่ร้อยละ 61.03 อย่างไรก็ตาม ประชาชน ร้อยละ 26.45 มีแนวโน้มซื้อสินค้าไทยลดลง ซึ่งมากกว่าสัดส่วนประชาชนที่มีแนวโน้มการซื้อสินค้าเพิ่มมากขึ้น ที่ร้อยละ 11.06 และอื่น ๆ ที่ร้อยละ 1.46 โดยสัดส่วนสินค้าที่มีแนวโน้มการเลือกซื้อลดลง ได้แก่ สินค้าสุขภาพ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และของใช้ในบ้านและของตกแต่งบ้าน ซึ่งอาจเป็นผลมาจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ในอีกทางหนึ่ง 

ทั้งนี้ สินค้าไทยที่ประชาชนมีแนวโน้มซื้อเพิ่มมากขึ้น ได้แก่ สินค้าความงามและของใช้ส่วนบุคคล รวมถึงสินค้าแฟชั่นและเครื่องประดับ และเมื่อพิจารณาแบ่งตามอายุพบว่าประชาชนที่มีอายุน้อยมีแนวโน้มซื้อสินค้าไทยเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่ประชาชนที่มีอายุเพิ่มมากขึ้นมีแนวโน้มซื้อสินค้าไทยลดลง สอดคล้องกับการพิจารณาตามรายอาชีพที่พบว่า อาชีพไม่ได้ทำงานและบำนาญมีแนวโน้มซื้อสินค้าไทยลดลงมากที่สุดและนักศึกษามีแนวโน้มซื้อสินค้าไทยเพิ่มขึ้นมากที่สุด

ขณะที่ การปรับปรุงสินค้าไทยที่ประชาชนต้องการ ในภาพรวม พบว่า ประชาชนต้องการให้สินค้าไทยมีการพัฒนาในด้านราคาที่เหมาะสมมากที่สุด ที่ร้อยละ 26.88 ตามมาด้วยการพัฒนาคุณภาพสินค้า ที่ร้อยละ 26.34 และความน่าเชื่อถือของสินค้า ที่ร้อยละ 17.65 ซึ่งสอดคล้องกับการพิจารณาในทุกกลุ่ม โดยกลุ่มประชาชนที่ไม่ได้มีการซื้อสินค้าไทยและกลุ่มที่มีแนวโน้มการซื้อสินค้าไทยลดลง ต่างต้องการให้มีการพัฒนาในด้านการตลาด การประชาสัมพันธ์ และความหลากหลายของสินค้ามากยิ่งขึ้น 

 

ส่องพฤติกรรมการซื้อสินค้าคนไทย เดือน ส.ค. ความงาม–แฟชั่นโตแรง

 

นอกจากนี้ ที่มีแนวโน้มเลือกซื้อสินค้าไทยมากขึ้นต้องการให้มีการพัฒนาด้านความหลากหลายของสินค้าและด้านรูปลักษณ์และบรรจุภัณฑ์เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาตามกลุ่มอายุ พบว่าความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมีแนวโน้มได้รับความสนใจมากยิ่งขึ้นในกลุ่มอายุน้อย ซึ่งสะท้อนถึงแนวโน้มที่อาจมีความสำคัญต่อการพัฒนาสินค้าไทยในอนาคต 

นายพูนพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลการสำรวจครั้งนี้ว่า ประชาชนยังคงนิยมเลือกซื้อสินค้าไทยโดยสินค้าหมวดอาหารและเครื่องดื่มยังคงได้รับความนิยมและเป็นสินค้าที่ประชาชนเลือกซื้อสูงสุด ขณะเดียวกันผลการสำรวจยังสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มการเติบโตของสินค้าไทยในสินค้าหมวดใหม่ ๆ 

โดยเฉพาะสินค้าความงามและแฟชั่นที่เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นในกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ ซึ่งให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์และการดูแลตนเองที่มากยิ่งขึ้น จนอาจพัฒนาเป็นกระแสหลักและขยายตัวเป็นตลาดสำคัญในอนาคต 

อย่างไรก็ตาม ผลการสำรวจยังชี้ให้เห็นถึงความท้าทายจากแนวโน้มการเลือกซื้อสินค้าไทยที่ลดลง ที่อาจเกิดขึ้นจากปัจจัยภายนอก อาทิ ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและการแข่งขันทางการค้าที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น และปัจจัยภายใน อาทิ ข้อจำกัดด้านคุณภาพ ราคา และความหลากหลาย ซึ่งเป็นประเด็นที่จำเป็นต้องติดตามและศึกษาอย่างใกล้ชิดต่อไป 

 

ส่องพฤติกรรมการซื้อสินค้าคนไทย เดือน ส.ค. ความงาม–แฟชั่นโตแรง

 

ทั้งนี้ เพื่อให้การใช้สินค้าไทยได้รับความนิยมและเป็นสินค้าที่ประชาชนให้ความเชื่อมั่น ตลอดจนพัฒนาสินค้าไทยให้มีศักยภาพในการแข่งขันและก้าวสู่การเป็นตลาดกระแสหลักที่ผู้บริโภคเลือกใช้ ซึ่งจะกลายเป็นฐานสำคัญในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งแก่ผู้ประกอบการในประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ยังคงดำเนินมาตรการที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง อาทิ การขับเคลื่อนโครงการ ไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนสนับสนุนสินค้าที่ผลิตในประเทศ 

อย่างไรก็ตาม การพัฒนาและผลักดันระบบการรับรองคุณภาพสินค้าไทย เช่น เครื่องหมายสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ตลอดจนมาตรการควบคุมการนำเข้าสินค้าราคาถูกล้นทะลักจากต่างประเทศที่อาจกระทบต่อการแข่งขันของสินค้าไทยอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงการศึกษาแนวทางการพัฒนาของสินค้าไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นส่วนสนับสนุนให้สินค้าไทยสามารถเติบโตและยกระดับศักยภาพของสินค้าไทยได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว