สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยสถานการณ์การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ ประจำไตรมาสหนึ่ง ปี 2568 พบว่า การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ของคนไทยเพิ่มขึ้นจากปีก่อน แยกเป็น การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้น 2% และการบริโภคบุหรี่ลดลง 0.8%
โดยมีประเด็นที่ควรให้ความสำคัญ คือ คนไทยดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้นมาก และการเพิ่มขึ้นของผู้สูบบุหรี่เป็นประจำและนักสูบหน้าใหม่ที่มีอายุน้อยลง
สศช. ระบุประเด็นที่ควรให้ความสำคัญ คือ 5 จังหวัดคนดื่มหนักและถี่ เสี่ยงต่อการเป็นโรคต่าง ๆ จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ในปี 2567 พบว่า คนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไปบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์คิดเป็นสัดส่วน 35.2% ของประชากรทั้งหมด หรือมีจำนวน 20.9 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่มีสัดส่วน 28% หรือมีจำนวน 16 ล้านคน
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาเฉพาะกลุ่มที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างหนัก และบ่อยครั้ง (3 - 4 วันต่อสัปดาห์) เป็นรายจังหวัด พบว่า 5 จังหวัดแรกที่มีสัดส่วนผู้ที่ดื่มหนักและบ่อยครั้งสูงที่สุด ดังนี้
โดยมีสัดส่วนสูงมากกว่า 12% ซึ่งการศึกษาของ American Heart Association12 พบว่า การดื่มแอลกอฮอล์ที่หนักและมีความถี่ไม่น้อยกว่า 3 วัน ต่อสัปดาห์ มีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ และ โรคหลอดเลือดสมอง อีกทั้งยังเชื่อมโยงกับพฤติกรรมเสี่ยงอื่น เช่น การขับรถในขณะมึนเมา และความรุนแรงในครอบครัว
ส่วนการเพิ่มขึ้นของผู้สูบบุหรี่เป็นประจำ แม้ว่าจำนวนผู้ที่สูบบุหรี่ ของไทยจะมีแนวโน้มลดลง แต่ข้อมูลล่าสุดจากการสำรวจพฤติกรรมการสูบบุหรี่และการดื่มสุราของคนไทย ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2567 พบว่า ภาพรวมประชากรอายุ 15 ปีขึ้นไป มีการสูบบุหรี่เป็นประจำ 9.77 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ที่มีจำนวน 9.42 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย โดยเพศหญิงมีการสูบบุหรี่เป็นประจำ 3.2 แสนคน
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาอายุเฉลี่ยเมื่อเริ่มสูบครั้งแรก พบว่า เพศชายเริ่มสูบครั้งแรกอายุ 18.4 ปี ขณะที่ เพศหญิงเริ่มสูบครั้งแรกอายุ 20.5 ปี ลดลงจากการสำรวจในปี 2560 ที่เพศชายเริ่มสูบครั้งแรกอายุ 19.1 ปี และ เพศหญิงเริ่มสูบครั้งแรกอายุ 23.3 ปี ซึ่งเป็นเรื่องน่ากังวลที่นักสูบหน้าใหม่มีอายุน้อยลง ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า ผลของการสูบบุหรี่เป็นประจำเป็นสาเหตุของโรคไม่ติดต่อ อาทิ โรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคปอด โรคทางเดินหายใจ
อีกทั้งยังมีข้อมูลทางวิชาการที่พบว่าการสูบบุหรี่ไฟฟ้าซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จะทำให้เกิดโรคปอดทะลุ ซึ่งเป็นภาวะที่อากาศรั่วออกจากปอดเข้าสู่ช่องเยื่อหุ้มปอด ทำให้หายใจลำบาก และอาจส่งผลถึงขั้นหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ทั้งยังส่งผลเสียต่อสุขภาพของคนรอบข้างที่ได้รับควันบุหรี่ไม่ต่างกัน