โรคหนองใน เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบได้บ่อย แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก คือ “หนองในแท้” และ “หนองในเทียม” ซึ่งเกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่ต่างกัน มีลักษณะอาการและวิธีการรักษาที่แตกต่างกัน
หนองในแท้ (Gonorrhea) เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชื่อ Neisseria gonorrhoeae ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคหนองในแท้ เชื้อนี้จะติดเชื้อบริเวณเยื่อบุของระบบสืบพันธุ์ ทั้งในผู้ชายและผู้หญิง
โดยอาการของหนองในแท้ในผู้ชายจะเริ่มจากมีหนองข้นสีเหลืองหรือเขียวไหลออกจากปลายอวัยวะเพศ ปวดแสบเวลาปัสสาวะ และอาจมีอาการเจ็บบริเวณอัณฑะ ส่วนในผู้หญิงอาการอาจไม่ชัดเจนนัก แต่อาจมีตกขาวผิดปกติ ปวดท้องน้อย หรือมีอาการแสบเวลาปัสสาวะ
ส่วนหนองในเทียม (Nongonococcal urethritis หรือ NGU) เกิดจากเชื้อแบคทีเรียอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ Neisseria gonorrhoeae โดยส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อ Chlamydia trachomatis หรือ Mycoplasma genitalium อาการของหนองในเทียมในผู้ชายจะคล้ายกับหนองในแท้ คือ ปัสสาวะเจ็บแสบ มีหนองไหลออกจากปลายอวัยวะเพศ แต่หนองจะไม่ข้นเท่าหนองในแท้ อาจมีลักษณะใสหรือขาวขุ่น ส่วนในผู้หญิงก็เช่นกัน มักไม่แสดงอาการชัดเจน หรือมีตกขาวผิดปกติและอาการปวดท้อง
ความแตกต่างสำคัญระหว่างหนองในแท้และหนองในเทียม คือชนิดของเชื้อที่ทำให้เกิดโรค และลักษณะของหนองที่ไหลออก รวมถึงความรุนแรงของอาการ โดยหนองในแท้จะมีอาการชัดเจนและรุนแรงกว่า ในขณะที่หนองในเทียมบางรายอาจไม่มีอาการเลย
โรคหนองในทั้งสองชนิดติดต่อผ่านทางเพศสัมพันธ์โดยตรง โดยเฉพาะการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย เชื้อสามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านเยื่อบุผิวในช่องคลอด ช่องปาก หรือทวารหนัก
การป้องกันที่ดีที่สุด คือการใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนที่ไม่แน่ใจสถานะสุขภาพ รวมถึงการตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้ที่มีคู่นอนหลายคน หรือมีประวัติโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มาก่อน
หากสงสัยว่าติดเชื้อหนองใน ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย และรับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะที่เหมาะสม เนื่องจากหากปล่อยไว้อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น อักเสบของอวัยวะสืบพันธุ์ ทำให้มีบุตรยาก หรือแพร่เชื้อไปยังคู่นอนได้
การแยกแยะโรคหนองในแท้และเทียม ต้องใช้การตรวจทางห้องปฏิบัติการร่วมกับประวัติอาการ และการตรวจทางคลินิกเท่านั้น ไม่สามารถแยกแยะจากอาการภายนอกเพียงอย่างเดียวได้
สรุปคือ โรคหนองในแท้และหนองในเทียมเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่มีอาการคล้ายกันแต่มีเชื้อสาเหตุแตกต่างกัน วิธีป้องกันหลักคือการใช้ถุงยางอนามัยและตรวจคัดกรองโรคอย่างสม่ำเสมอเพื่อรักษาให้หายขาดและป้องกันการแพร่เชื้อในสังคม