ภก.สุวิทย์ งามภูพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค จำกัด (มหาชน) หรือ BLC ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยาแผนปัจจุบัน ยาสามัญและยาสามัญใหม่ รวมถึงผลิตภัณฑ์สมุนไพร เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ตลาดยาในประเทศไทยมีมูลค่าราว 2 แสนล้านบาท แบ่งเป็นโรงพยาบาลรัฐ 60% โรงพยาบาลเอกชน 20% และร้านขายยาทั่วไป 20%
ขณะที่ตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพหรืออาหารเสริมกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในตลาดโมเดิร์นเทรดและตลาดออนไลน์ โดยสมุนไพรไทยมีศักยภาพสูงที่สามารถนำไปใช้ได้ทั้งในผลิตภัณฑ์ยา เวชภัณฑ์ และอาหารเสริม
“ปัจจัยบวกที่ทำให้ตลาดยาและสมุนไพรในประเทศเติบโตขึ้น คือการที่ผู้ผลิตต้องมีคุณภาพและมาตรฐานที่ดี รวมถึงการสนับสนุนจากภาครัฐ โดยเฉพาะสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ที่ช่วยให้การขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์สมุนไพรเป็นไปได้อย่างรวดเร็วและหลากหลาย
รวมทั้งมีการบรรจุสมุนไพรในบัญชียาหลัก พร้อมการแนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์สมุนไพรในระบบสาธารณสุข ส่งผลให้ตลาดสมุนไพรไทยมีการเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ประกอบการมีแรงผลักดันในการวิจัยและพัฒนาเพิ่มขึ้น และเมื่อผลิตภัณฑ์ได้รับการใช้ในระบบสุขภาพแล้ว ก็สามารถพัฒนาเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและขยายไปยังตลาดต่างประเทศได้ในอนาคต”
ขณะที่ปัจจัยที่ส่งผลต่อตลาดสมุนไพรไทยคือ ปัญหาในด้านการจัดหาวัตถุดิบสมุนไพรจากเกษตรกร ซึ่งยังขาดความเป็นมืออาชีพในการปลูกสมุนไพรที่เหมาะสมกับอุตสาหกรรม ทำให้เกิดปัญหาการผันผวนของราคา และการลดลงของนักท่องเที่ยวที่ส่งผลให้ความนิยมในการใช้สมุนไพรลดลงตามไปด้วย
ด้านแผนธุรกิจในไตรมาส 2 BLC ได้ร่วมมือกับ BJC Healthcare ในเครือเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) เพื่อขยายฐานตลาดและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในกลุ่มเวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพทั้งในประเทศและภูมิภาค โดยในช่วงแรก BLC จะผลิตวิตามินและอาหารเสริมภายใต้แบรนด์ BJC Healthcare ซึ่งจะเริ่มวางจำหน่ายในไตรมาส 4 ของปีนี้
นอกจากนี้ BLC ยังมีแผนขยายความร่วมมือไปสู่การลงทุนระยะยาว โดยปัจจุบันโรงงานของ BLC ใช้กำลังการผลิตราว 70% และมีแผนที่จะเพิ่มกำลังการผลิตด้วยการเปิดโรงงานใหม่ในไตรมาส 2 ปี 2569 สำหรับยอดขายจากความร่วมมือครั้งนี้ตั้งเป้าไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาทในระยะแรก
“ปีนี้เราเน้นกลยุทธ์การตลาดเชิงรุกทั้งออนไลน์และออฟไลน์ โดยมุ่งสร้างการรับรู้แบรนด์ผ่านพรีเซนเตอร์ อินฟลูเอนเซอร์ และโปรโมชันต่างๆ รวมถึงการออกบูธแสดงสินค้าในงานวิชาการเพื่อส่งเสริมการขายและเพิ่มการรับรู้ของผลิตภัณฑ์”
ภก.สุวิทย์ กล่าวอีกว่า BLC รีแพคเกจจิ้งของผลิตภัณฑ์ Prozeus 15 และการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ Fiber Bomb ภายใต้แบรนด์ BKD VIVA ซึ่งมุ่งเน้นการขายผ่านช่องทางออนไลน์อย่าง Shopee และ TikTok นอกจากนี้จะมีการเปิดบูธในโรงพยาบาลภายในเดือนมิ.ย. 2568 รวมถึงการออกผลิตภัณฑ์ยาสามัญใหม่อีก 2 รายการเพื่อบุกตลาดโรงพยาบาล
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 1/2568 BLC มีรายได้จากการขายและให้บริการ 440 ล้านบาท เติบโต 20.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน กำไรสุทธิ 55.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.7% ปัจจัยมาจากกลยุทธ์การตลาดแบบ 360 องศา ทั้งช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ ควบคู่กับการสร้าง Brand Awareness ผ่านพรีเซนเตอร์และอินฟลูเอนเซอร์ รวมถึงการจัดโปรโมชันส่งเสริมการขายและการออกบูธแสดงสินค้าในงานวิชาการต่างๆ
รายได้หลักมาจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ กลุ่มยาสามัญและยาสามัญใหม่ 317.8 ล้านบาท เติบโต 15.7% คิดเป็นสัดส่วน 72.2% ของรายได้รวม ขณะที่กลุ่มเครื่องสำอาง มีรายได้ 66 ล้านบาท เติบโต 55.7% กลุ่มผลิตภัณฑ์สมุนไพรและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร มีรายได้ 33.5 ล้านบาท และ 13.9 ล้านบาท เติบโต 18% และ 24.1% ตามลำดับ ส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์จะมีรายได้ 1.9 ล้านบาท โดยบริษัทตั้งเป้าหมายที่จะมีรายได้ 2,000 ล้านบาทภายในปี 2569
หน้า 16 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,099 วันที่ 25 - 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2568