เทรนด์สุขภาพโตแรง BJC จับมือ BLC ขยายตลาดยา-อาหารเสริม เปิดตัวไตรมาส 4 นี้

บริษัท BJC Healthcare ดำเนินธุรกิจนำเข้าและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์และเภสัชภัณฑ์ จากผู้ผลิตมาตรฐานทั่วโลก ร่วมมือกับบริษัท บางกอกแล๊ป แอนด์ คอสเมติค จำกัด (BLC) ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยและพัฒนา ผลิตภัณฑ์ยาและสุขภาพ ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้แบรนด์ BJC Healthcare เพื่อขยายฐานตลาดและเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในกลุ่มเวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพในประเทศและภูมิภาค

นางฐาปณี เตชะเจริญวิกุล ผู้บริหารจาก BJC Healthcare กล่าวว่า ในช่วงแรก BLC จะรับหน้าที่ผลิตวิตามินและอาหารเสริมภายใต้แบรนด์ BJC Healthcare พร้อมวางจำหน่ายในไตรมาส 4 ปี 2568 ก่อนขยายความร่วมมือสู่การลงทุนระยะยาว โดยจะช่วยเพิ่มกำลังการผลิตรองรับความต้องการตลาดที่เติบโตในกลุ่มสุขภาพและเวชภัณฑ์

จุดแข็งของ BLC อยู่ที่การวิจัยและพัฒนาที่ทันสมัย พร้อมโรงงานที่ได้รับมาตรฐาน GMP-PIC/S และการควบคุมคุณภาพเข้มงวด ขณะที่ BJC Healthcare เชี่ยวชาญด้านการจัดจำหน่ายครอบคลุมโรงพยาบาล คลินิก และร้านขายยาทั่วประเทศ การรวมจุดแข็งนี้จะช่วยให้ผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ตลาดได้ดีขึ้น

ความร่วมมือครั้งนี้ตั้งเป้าขยายการเติบโตในภูมิภาค และเสริมพอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์สุขภาพให้แข็งแกร่ง รองรับการขยายตัวของตลาดต่างประเทศในอนาคต โดยมุ่งสู่การเป็นผู้นำด้านเวชภัณฑ์และสุขภาพระดับสากล

ภก.สุวิทย์ งามภูพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ BLC กล่าวว่า บริษัทมีบริการครบวงจรตั้งแต่การวิจัยและพัฒนา ผลิตภัณฑ์ยาแผนปัจจุบัน ยาสามัญ สมุนไพร และผลิตภัณฑ์สุขภาพอื่น ๆ ที่ได้รับความไว้วางใจจากหน่วยงานทางการแพทย์และสาธารณสุขทั้งในโรงพยาบาลรัฐ โรงพยาบาลเอกชน และร้านขายยา รวมถึงคลินิกต่าง ๆ

ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนของวงการเวชภัณฑ์ไทย ที่จะช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์คุณภาพได้ง่ายขึ้น ทั้งยังช่วยยกระดับมาตรฐานและขยายตลาดเวชภัณฑ์ที่ผลิตในประเทศ เพิ่มความเข้มแข็งให้กับระบบสาธารณสุขโดยรวม

ปัจจุบัน BJC Healthcare มีความร่วมมือกับบิ๊กซี ซึ่งเป็นหนึ่งในค้าปลีกใหญ่ของประเทศ และมีเครือขายจากต่างประเทศอยู่ในเครือด้วย โดยทั้งสองฝ่ายมองว่าการร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยเสริมศักยภาพกันและกันได้ดี และขณะนี้บิ๊กซีได้เข้าเยี่ยมชมโรงงานของ BLC เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและขยายโอกาสทางธุรกิจ

สำหรับการผลิต ปัจจุบันโรงงานของ BLC ใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 70% และมีแผนจะเพิ่มกำลังผลิตด้วยการเปิดโรงงานใหม่ในไตรมาส 2 ของปี 2569 เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ตั้งเป้ายอดขายของความร่วมมือครั้งนี้ไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาทในระยะแรก ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการพัฒนาธุรกิจร่วมกัน และเป็นการตอบสนองต่อความต้องการของตลาดที่มุ่งเน้นสินค้าสุขภาพและเวชภัณฑ์ที่มีคุณภาพและมาตรฐาน