นายสุพจน์ สิริกุลภัสสร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) หรือ JAS Asset ผู้นำด้านศูนย์การค้าชุมชนในไทย ยืนหยัดฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจและโควิด-19 ด้วยการปรับวิสัยทัศน์ มุ่งสู่การเป็น "Synergetic Wellbeing Community Builder" ที่ไม่เพียงให้ความสำคัญกับธุรกิจพื้นที่เช่า
แต่ยังใส่ใจชีวิตความเป็นอยู่ของคนในชุมชนอย่างรอบด้าน ผ่านการบริหารจัดการที่มีความยืดหยุ่น วิสัยทัศน์ไกล และพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง
ปี 2568 ยังคงเป็นปีแห่งความท้าทายสูง จากแผนเดิมที่จะขยายธุรกิจเข้าสู่กลุ่มโรงแรม ต้องชะลอออกไปเพราะเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวย แต่บริษัทได้ปรับกลยุทธ์โดยโฟกัสในธุรกิจที่เชี่ยวชาญ และมองเห็นโอกาสเติบโตในระยะสั้นได้ชัดเจนกว่า ได้แก่ การรีโนเวตศูนย์การค้าที่มีอยู่และสร้างความร่วมมือใหม่กับพันธมิตรเชิงกลยุทธ์เพื่อพัฒนา Tenant Mix ที่ตอบโจทย์ชีวิตประจำวันของผู้บริโภคในชุมชน
ตัวอย่างความร่วมมือที่ชัดเจนคือการขยายแบรนด์ "ตี๋น้อย" ซึ่งเริ่มจากร้านสุกี้ ปัจจุบันมีทั้งหมด 5 สาขาในห้าง JAS และเตรียมเปิดเพิ่มอีก 3 สาขาภายใต้แบรนด์ใหม่ "ตี๋น้อย บาร์บีคิว" ที่คู้บอน บางบัวทอง และศรีนครินทร์ คาดว่าหากเปิดครบทุกสาขา จะมีร้านตี๋น้อยรวมทั้งสิ้น 11 ร้านในเครือ JAS รวมพื้นที่ใช้สอยกว่า 6,600 ตารางเมตร
อีกหนึ่งแนวทางสำคัญคือการขยายกลุ่มพันธมิตรค้าปลีกขนาดใหญ่ เช่น แม็คโคร (JAS วิลเลจ อมตะ ชลบุรี), โลตัส (สาขาประเวศ) และ Big C Food Place (เดอะ แจส รามอินทรา) ซึ่งเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งด้านบริการและทราฟฟิกให้กับศูนย์การค้าชุมชนของ JAS
JAS ยังมองเห็นโอกาสจากเทรนด์การทำงานแบบ Work From Anywhere ที่เพิ่มมากขึ้นหลังโควิด-19 โดยวางแผนเปิดโซนสำนักงานให้เช่าสำหรับบริษัทขนาดเล็กหรือสำนักงานสาขาในทำเลรอบเมืองที่สะดวกสบาย มีที่จอดรถ พร้อมบริการครบวงจร ทั้งร้านอาหาร เครื่องดื่ม ฟู้ดคอร์ท และซุปเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งจะเป็นทางเลือกใหม่ให้แก่ธุรกิจยุคใหม่ที่ต้องการลดต้นทุนแต่ยังคงประสิทธิภาพการดำเนินงาน
ในด้านการส่งเสริมผู้ประกอบการในศูนย์การค้า JAS ได้จัดกิจกรรม "JAS Live Mall" ที่ช่วยให้ SME และร้านค้ารายย่อยสามารถขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์โดยเฉพาะ TikTok ได้โดยไม่ต้องลงทุนเอง พร้อมระบบ CRM "JAS Family" ที่เชื่อมต่อกับระบบสะสมแต้ม J Point ของกลุ่ม Jaymart ช่วยสร้างความภักดีของลูกค้าในระบบ Ecosystem เดียวกัน
นอกเหนือจากธุรกิจศูนย์การค้า JAS ยังเดินหน้าเข้าสู่ธุรกิจสุขภาพผู้สูงอายุภายใต้ชื่อ "SENERA" ซึ่งดำเนินการโดยบริษัทลูก ซีเนร่า ซีเนียร์ เวลเนส จำกัด โดยแต่งตั้งนางสาวพงศิยา กิตติขจร เป็น CEO คนใหม่ เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจเวลเนสและเนอร์สซิ่งโฮมอย่างจริงจัง
ปัจจุบัน SENERA เปิดให้บริการแล้ว 2 สาขา คือ คู้บอน และบางบัวทอง รวม 207 เตียง ด้วยงบลงทุนกว่า 500 ล้านบาท รองรับผู้สูงอายุและผู้มีภาวะพึ่งพิงมากกว่า 300 ครอบครัวในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เป้าหมายในอนาคตคือการขยายบริการถึงชุมชนโดยตรงผ่าน SENERA Home Care บริการดูแลถึงบ้าน รวมถึงการให้คำปรึกษาและปรับปรุงที่อยู่อาศัยให้เหมาะสมกับผู้สูงอายุ
SENERA ยังวางเป้าหมายขยายบริการไปยังศูนย์การค้า JAS ทั้ง 8 สาขา เพื่อให้ผู้สูงอายุและครอบครัวสามารถเข้าถึงบริการสุขภาพได้ง่ายขึ้น และวางรากฐานธุรกิจ Wellness Real Estate ที่ผสานสุขภาพเข้ากับการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน
ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงแนวคิดของ JAS ที่ไม่ได้มองเพียงมิติของพื้นที่เช่าทางกายภาพอีกต่อไป แต่กำลังสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจ ที่ครอบคลุมทั้งชีวิตความเป็นอยู่ การดูแลสุขภาพ และการเชื่อมโยงธุรกิจผ่านพันธมิตรในหลากหลายอุตสาหกรรม เพื่อเป็นผู้สร้างชุมชนที่ดีอย่างแท้จริง