สัตว์โลกกับ Startup

06 ส.ค. 2559 | 14:00 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

เวลาพูดถึงสัตว์เชื่อว่าหลายๆคนจะมีสัตว์ที่อยู่ในใจแตกต่างกัน ส่วนมากแล้วจะคิดถึงสัตว์โลกน่ารักก่อน อาทิ สุนัข แมว ปลาคาร์พ หนูแฮมสเตอร์และชนิดอื่นๆ ในวงการStartup ก็มีเรื่องของสัตว์เช่นกันครับแต่เป็นสัตว์เทพทีเดียว
1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯกับการเป็นUnicorn

ใครๆ ก็อยากทำStartup เพราะผลกำไรที่เห็นตัวอย่างจากผู้ที่ประสบความสำเร็จมาก่อนทำให้มโนกันไปมากมายว่าจะได้เป็นเศรษฐีพันล้าน ในแวดวงทางการเงินนักลงทุนหรือ Startup เองเรียกธุรกิจที่มีมูลค่ามากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (บางครั้งอาจยังไม่เข้าตลาดหุ้นด้วยซ้ำ) นี้ว่าUnicorn ครับ

Unicorn เป็นสัตว์ในตำนานของทางยุโรปเทพนิยายโบราณต่างๆ กล่าวไว้ว่าเป็นสัตว์ที่มีเขาเป็นเกลียวอยู่บนหน้าผากเป็นสัญลักษณ์แห่งความบริสุทธิ์และสง่างาม โดยทั่วไปUnicorn ถูกใช้แสดงถึงพลังอำนาจความเข้มแข็งนอกจากนี้ยังเป็นสัญลักษณ์ของการเชื่อมโยงเพศชายและเพศหญิง กล่าวคือเขาแสดงถึงเพศชายลำตัวแสดงถึงเพศหญิงเลยทำให้เชื่อมโยงได้ถึงสัตว์อีกชนิดหนึ่งของประเทศจีนนั่นคือ “กิเลน” ดูความหมายก็ดีงามครับเป็นสัตว์เทพที่อายุยืนเป็นสัญลักษณ์แห่งคุณงามความดี (ผมไม่ได้แอบเชียร์ทีมเอสซีจีเมืองทองยูไนเต็ดนะครับ)

เอาเป็นว่าเล่าเทพนิยายมากเดี๋ยวจะยาว การเป็น Unicorn startup จะเห็นการทุ่มทำการตลาดอย่างรุนแรงรวดเร็วเพื่อให้ได้ฐานลูกค้าจำนวนมาก ในทางทฤษฎีรวมถึงในต่างประเทศอาจเป็นเรื่องไม่ยากเพราะในยุคที่เทคโนโลยีเติบโตโลกดิจิตอลเบ่งบานส่งผลต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคมากๆ การทำ Tech startupให้เป็นUnicorn เป็นเรื่องท้าทายที่ไม่ไกลเกินเอื้อม บริษัทที่เราคุ้นชื่อและติดอันดับเป็นสัตว์เทพเช่นนี้มีมากมายเช่น Uber ผู้เปลี่ยนแปลงโลกแห่งการเดินทาง (62billions USD) Xiaomi ยักษ์ตัวใหม่แห่งวงการอิเล็กทรอนิกส์(45billions USD) AirBNB บริษัทที่ทำให้การหาสถานที่พักแรมเป็นเรื่องง่ายและสนุก(25.5billions USD) Palantir นักจัดการข้อมูล Big Data ที่มาแรงที่สุด (20.5billions USD) หรือแม้แต่ Snapchat โปรแกรม Social Network ชื่อดังก็ตาม(16billions USD) เหล่านี้เป็น Top5 มาแรงในแวดวง Startup (ที่มาhttp://fortune.com/unicorns/ข้อมูลอัพเดตเดือนมกราคม 2016)

แต่สำหรับตัวเลขพันล้านในประเทศไทยนั้นดูจะไม่ง่ายนักครับด้วยปัจจัยหลายๆอย่างอาทิภาวะเศรษฐกิจความรู้ความเข้าใจของคนในประเทศรวมถึงความกล้าที่จะใช้ชีวิตอยู่ในโลกออนไลน์ของคนไทย แม้ว่าจะดีขึ้นแต่ก็ยังไม่ถึงขนาดสนับสนุนให้ใครเป็น Unicorn ได้ง่ายๆ บางทีเราก็ยังเสียวๆเวลาโอนเงินหรือซื้อของออนไลน์ใช่ไหมล่ะ อย่างไรก็ตามปัจจัยที่จะสนับสนุนให้ประเทศไทยมี Unicorn ในอนาคตก็ใช่ว่าจะไม่มี การลดอัตราดอกเบี้ยให้ต่ำอย่างกับฝังตุ่มทำให้คนมีเงินทั้งหลายเลือกที่จะลงทุนในธุรกิจมากขึ้นเพราะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า Angel Investor ทั้งที่เปิดเผยตัวและไม่เปิดเผยตัวพร้อมที่จะสนับสนุน Startup กันทั้งนั้นหากไอเดียดีจริง

ในปัจจุบันนี้ยังมีศัพท์อีกคำคือ “เดคาคอร์น” (Decacorn) คำว่า Deca แปลว่า 10 จึงหมายถึงธุรกิจสตาร์ตอัพที่มีมูลค่าเกิน 10 billions หรือ 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯเรียกได้ว่าเป็นเจ้าแห่ง Unicorn อีกขั้นหนึ่ง บริษัทที่ผมยกตัวอย่างมาข้างต้นก็เรียกได้ว่าเลื่อนชั้นเป็น Decacorn กันแล้วนอกจากนี้ถ้าอัญเชิญเทพของเทพมาอีกทีเราจะได้เจอกับ “เฮคโตคอร์น” (Hectocorn) ซึ่ง Hecto แปลว่า 100 ใช่ครับธุรกิจที่มูลค่ามากกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯคงต้องมองไปถึง Facebook หรือ Google กันเลยทีเดียว

การพูดถึง Unicorn ทำให้นักธุรกิจมองที่มูลค่าของกิจการกันมาก แต่ในความเป็นจริงการวัดมูลค่าที่แท้จริงก็ทำได้ยาก นักลงทุนที่เก่งๆก็มักจะมองที่วิธีการดำเนินการของกิจการด้วยจึงทำให้เกิดคำศัพท์อีกคำหนึ่งขึ้นมา สำหรับ Startup เป็นสัตว์อีกชนิดหนึ่งซึ่งแตกต่างกับ Unicorn ดังฟ้ากับเหวนั่นก็คือ “แมลงสาบ”

ครับอย่าเพิ่งอี๋นะเพราะ Cockroach Startup น่าสนใจทีเดียวถึงจะโตช้าแต่ว่ามั่นคงและไม่สูญพันธุ์ง่ายๆ (ฝรั่งนี่ก็ช่างสรรหาเนอะ) การเป็น Cockroach คือความง่ายครับถ้าเปรียบกับการดำเนินธุรกิจอาจใกล้เคียงกับ Lean เรียกว่าอย่าลงทุนอะไรเยอะเกินไปแต่ต้องคุ้มค่าทุกเม็ดเงินเช่นอย่าลงทุนในสินทรัพย์มากเกินจำเป็นเน้นแนวคิดธุรกิจที่ชัดเจน สิ่งสำคัญที่สุดคือให้ความสำคัญกับสินค้าและบริการของตัวเองมากกว่าการ Funding เพื่อหาเงิน

จริงๆแล้วแมลงสาบก็ไม่ได้น่าเกลียดน่ากลัวไปซะทีเดียว ล่าสุดทีมวิจัยจากสถาบัน Institute for Stemcell Biology and Regenerative Medicine หรือ inStem จากประเทศอินเดียมีการพบผลึกโปรตีนคล้ายนมในแมลงสาบเต่าทองแปซิฟิกหรือชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Diploptera punctata ซึ่งใช้เลี้ยงตัวอ่อนขณะที่ยังอยู่ในท้องโดยหลังจากทำการศึกษาพบว่าผลึกโปรตีนชนิดนี้เป็นอาหารอย่างสมบูรณ์กล่าวคือมีโปรตีนไขมันและน้ำตาลพร้อมด้วยกรดอะมิโนที่จำเป็นสำหรับร่างกายโดยรวมแล้วมีสารอาหารมากกว่านมวัวถึง 4 เท่า

อย่าถึงกับต้องผลิตออกมาแทนนมวัวเลยนะ เอาเป็นว่าใช้เรียกเป็น Startup ไปแหละดีแล้ว สวัสดีครับ

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,180 วันที่ 4 - 6 สิงหาคม พ.ศ. 2559