ครม.ไฟเขียวตั้ง “รวพ.” รวม 3 หน่วยบริหารทุนวิจัยเป็นหนึ่งเดียว

04 พ.ย. 2568 | 08:23 น.
อัปเดตล่าสุด :04 พ.ย. 2568 | 08:38 น.

ครม.ไฟเขียวตั้ง “รวพ.” รวม 3 หน่วยบริหารทุนวิจัยเป็นหนึ่งเดียว แยกบทบาทนโยบาย–บริหารทุน ขับเคลื่อนระบบ ววน. ประเทศสู่ยุคใหม่ ตามข้อเสนอของ อว.

KEY

POINTS

  • คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบการจัดตั้ง “สำนักงานเร่งรัดการวิจัยและนวัตกรรมฯ (รวพ.)” โดยเป็นการควบรวม 3 หน่วยบริหารจัดการทุนวิจัย (บพท., บพค., และ บพข.) ให้เป็นหน่วยงานเดียว
  • การจัดตั้ง รวพ. มีเป้าหมายเพื่อสร้างเอกภาพและเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการทุนวิจัยของประเทศ พร้อมทั้งแยกบทบาทด้านนโยบาย (สอวช.) ออกจากการบริหารจัดการทุน (รวพ.) อย่างชัดเจน
  • รวพ.จะทำหน้าที่บริหารจัดการและจัดสรรทุนโดยตรง เพื่อเร่งรัดการนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

วันที่ 4 พฤศจิกายน 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล ดร.สุรชัย สถิตคุณารัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบการจัดตั้งหน่วยงานใหม่ในรูปแบบองค์การมหาชน ภายใต้ชื่อ “สำนักงานเร่งรัดการวิจัยและนวัตกรรมเพื่อเพิ่มความสามารถการแข่งขันและการพัฒนาพื้นที่ (รวพ.)” ตามมติของสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สภานโยบาย อววน.) ที่ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เสนอเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.

รวม 3 หน่วย PMU สู่กลไกใหม่ระดับประเทศ

ดร.สุรชัย กล่าวว่า รวพ. เกิดจากการควบรวมหน่วยบริหารจัดการทุน (Program Management Unit – PMU) ที่มีอยู่เดิม 3 หน่วยงานหลักของประเทศให้เป็น “หน่วยเดียว” เพื่อสร้างความเชื่อมโยงและเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการงบประมาณด้านการวิจัยและนวัตกรรมของไทย ประกอบด้วย

บพท. (PMU A) – หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่

บพค. (PMU B) – หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนากำลังคน และทุนด้านการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา การวิจัย และการสร้างนวัตกรรม

บพข. (PMU C) – หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

ทั้ง 3 หน่วยนี้อยู่ภายใต้ร่มนิติบุคคลของ สอวช. มาตั้งแต่เริ่มปฏิรูประบบ ววน. ในปี 2562 การรวมตัวเป็น “รวพ.” จึงถือเป็นก้าวสำคัญในการแยก “บทบาทเชิงนโยบาย” ของ สอวช. ออกจาก “บทบาทเชิงบริหารจัดการทุน” อย่างชัดเจนตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม พ.ศ. 2562

“ถือว่าเป็นก้าวสำคัญของระบบวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรมของประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง ที่ทำให้กลไกบริหารทุนเกิดเอกภาพและมีความคล่องตัวมากขึ้น”ดร.สุรชัย กล่าว

แยกนโยบาย–บริหารเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด

การจัดตั้ง รวพ. มีเป้าหมายเพื่อให้การบริหารทุนวิจัยและนวัตกรรมของประเทศดำเนินไปอย่างเป็นระบบและตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ชาติ โดย สอวช. จะคงบทบาท “หน่วยงานนโยบาย” ทำหน้าที่กำหนดยุทธศาสตร์ ทิศทาง และตัวชี้วัดระดับประเทศ ขณะที่ รวพ. จะเป็น “หน่วยบริหารจัดการ” ทำหน้าที่จัดสรรงบประมาณ ติดตามผล และเร่งรัดโครงการวิจัย–นวัตกรรมที่สร้างผลกระทบเชิงเศรษฐกิจและสังคมโดยตรง

แนวทางนี้จะช่วยลดความซ้ำซ้อนในการจัดสรรงบประมาณวิจัย กระตุ้นการทำงานเชิงบูรณาการระหว่างภาครัฐ–เอกชน–สถาบันการศึกษา และเปิดทางให้เกิดความเชื่อมโยงระหว่างงานวิจัยและการใช้ประโยชน์จริงในเชิงพาณิชย์มากขึ้น

                                    ครม.ไฟเขียวตั้ง “รวพ.” รวม 3 หน่วยบริหารทุนวิจัยเป็นหนึ่งเดียว

ขอบคุณทุกฝ่ายผลักดัน 

ดร.สุรชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า “สอวช. ต้องขอขอบคุณคณะรัฐมนตรี ท่านรัฐมนตรี อว. ทั้งปัจจุบันและในอดีต รวมถึงปลัดกระทรวงและผู้บริหาร สอวช. หลายรุ่น ที่ร่วมกันผลักดันให้เกิดการปฏิรูประบบนี้ขึ้นได้”

ขั้นตอนต่อไปคือ การรอประกาศจัดตั้ง “รวพ.” ในราชกิจจานุเบกษา เพื่อให้หน่วยงานเกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์ตามกฎหมาย ซึ่งระหว่างนี้ หน่วยบริหารจัดการทุนทั้ง 3 แห่ง จะยังคงปฏิบัติงานตามปกติ จนกว่าจะมีการโอนย้ายภารกิจเข้าสู่โครงสร้างใหม่อย่างเป็นทางการ

ก้าวสำคัญของระบบ ววน. ไทย

การรวม 3 หน่วย PMU เข้าด้วยกันภายใต้ “รวพ.” ถือเป็น กลไกใหม่ในการขับเคลื่อนระบบวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (ววน.) ของประเทศ ให้สอดรับกับแนวทาง “Science–Technology–Innovation for Competitiveness” หรือการใช้ ววน. เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและการพัฒนาพื้นที่อย่างยั่งยืน

เมื่อโครงสร้างนี้สมบูรณ์ จะทำให้ประเทศไทยมีระบบบริหารจัดการทุนวิจัยแบบรวมศูนย์ มีเอกภาพสูง และสามารถเร่งรัดการใช้ประโยชน์จากผลงานวิจัย ไปสู่เชิงพาณิชย์ได้รวดเร็วขึ้น ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการยกระดับเศรษฐกิจฐานความรู้ของประเทศ