KEY
POINTS
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเร็วๆนี้ ที่ทำเนียบรัฐบาล มีการประชุม สภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สภานโยบาย) ครั้งที่ 2/2568 โดยมี นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม ร่วมด้วย นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) พลโทอดุลย์ บุญธรรมเจริญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ศ. ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวง อว. และ ดร.สุรชัย สถิตคุณารัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานสภานโยบายฯ (สอวช.) ในฐานะกรรมการและเลขานุการ พร้อมผู้บริหารระดับสูงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ดัน“อววน.”ตอบโจทย์ 4 ภารกิจเร่งด่วนรัฐบาล
ที่ประชุมเห็นชอบ แนวทางการขับเคลื่อนการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อววน.) เพื่อตอบสนองนโยบายรัฐบาล ซึ่งสอดคล้องกับภารกิจเร่งด่วน 4 ด้านที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กำหนด ได้แก่
1.ปัญหาเศรษฐกิจ
2.ปัญหาความมั่นคง
3.ปัญหาภัยธรรมชาติ
4.ปัญหาภัยสังคม
โดยมีเป้าหมายให้ระบบ อววน. ของประเทศขับเคลื่อนผ่านกลไกที่บูรณาการและเชื่อมโยงทุกภาคส่วน โดยเร่งดำเนินงาน 4 ประเด็นหลัก ได้แก่
การยกระดับและพัฒนาทักษะ (Upskill & Reskill) ของแรงงาน
การพัฒนาเทคโนโลยีพร้อมใช้
การสนับสนุน SMEs และ Startups
การใช้กลไกพื้นที่นวัตกรรม เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจฐานพื้นที่และจัดการทรัพยากรน้ำ
ทั้งนี้ สอวช. จะใช้เครื่องมือเช่น Thailand Plus Package, Competitiveness Fund และการวิจัยเพื่อความมั่นคง เพื่อเชื่อมโยงมหาวิทยาลัย ภาคธุรกิจ และชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนานวัตกรรม
ตั้ง วท.กห. บริหารทุนด้านความมั่นคง
ที่ประชุมมีมติเห็นชอบ จัดตั้งกรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกลาโหม (วท.กห.) สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นหน่วยบริหารและจัดการทุน (PMU) ด้านความมั่นคง เพื่อให้โจทย์วิจัยตอบตรงต่อความต้องการใช้งานจริงของกองทัพ
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ
บูรณาการงานวิจัยด้านความมั่นคงให้มีเอกภาพ
ลดความซ้ำซ้อนของหน่วยงาน
ขับเคลื่อนการวิจัยครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ
นอกจากนี้ กระทรวงกลาโหมจะใช้กลไกของ ศูนย์อุตสาหกรรมป้องกันประเทศและพลังงานทหาร ทำหน้าที่พัฒนางานวิจัยและนวัตกรรมแทน วท.กห. เพื่อให้การดำเนินงานไม่ขัดต่อ พ.ร.บ. การส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. 2562
โดยมีเป้าหมายสำคัญในการ ลดการนำเข้าเทคโนโลยีและยุทโธปกรณ์จากต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันสูงถึง 98% และผลักดันการพัฒนาเทคโนโลยี “Dual Use” ที่ใช้ได้ทั้งในทางทหารและพลเรือน
ตั้ง “รวพ.”หน่วยเร่งเครื่องนวัตกรรม
นอกจากนี้ สภานโยบายฯ ยังเห็นชอบให้จัดตั้ง สำนักงานเร่งรัดการวิจัยและนวัตกรรมเพื่อเพิ่มความสามารถการแข่งขันและการพัฒนาพื้นที่ (องค์การมหาชน) หรือ “รวพ.” ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนระบบวิจัยและนวัตกรรมระดับชาติ
รวพ. จะทำหน้าที่บริหารและจัดการทุนใน 4 ด้าน ได้แก่
ด้านการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
ด้านการพัฒนาพื้นที่
ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่ออุตสาหกรรมอนาคต
ด้านการนำวิทยาการ เทคโนโลยี และศิลปกรรมที่เหมาะสมไปใช้ประโยชน์
โครงสร้างดังกล่าวต่อยอดจากหน่วยทุนที่มีอยู่ภายใต้ สอวช. และขยายบทบาทให้สามารถขับเคลื่อนการวิจัยเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Funding) ได้อย่างเป็นระบบ เพื่อให้ผลลัพธ์จากงานวิจัยนำไปใช้ประโยชน์เชิงเศรษฐกิจและสังคมได้จริง
ชงร่างพ.ร.ฎ.จัดตั้ง รวพ.
รวพ. จะมีภารกิจหลักในการ กระตุ้นการลงทุนวิจัยจากทั้งภาครัฐและเอกชน สร้าง “New Growth Engine” ของประเทศ ผ่านการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นแนวหน้าในอุตสาหกรรมอนาคต เช่น เซมิคอนดักเตอร์ เทคโนโลยีชีวภาพ Future Mobility และเกษตรอัจฉริยะ
ขณะเดียวกันยังมุ่งลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ด้วยการส่งเสริมให้มหาวิทยาลัยใช้ผลงานวิจัยสร้างรายได้ในพื้นที่ และเพิ่มศักยภาพการบริหารจัดการของชุมชนท้องถิ่น
สอวช. จะเร่งเสนอ ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้ง รวพ. ซึ่งผ่านการตรวจพิจารณาจากคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว เสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีในลำดับต่อไป
การประชุมสภานโยบายฯ ครั้งนี้ ถือเป็นการ “ปักธงใหม่” ของรัฐบาลอนุทิน ในการใช้ระบบ อุดมศึกษา–วิทยาศาสตร์–วิจัย–นวัตกรรม (อววน.) เป็นกลไกขับเคลื่อนประเทศ ทั้งด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ และการพัฒนาเชิงพื้นที่ เพื่อยกระดับศักยภาพประเทศไทยให้แข่งขันได้ในยุคเศรษฐกิจฐานเทคโนโลยี