อัปเดตสถานการณ์น้ำ เช็กพิกัดพื้นที่เสี่ยงน้ำล้นตลิ่ง น้ำท่วมขัง 7 ต.ค.68

07 ต.ค. 2568 | 03:41 น.
อัปเดตล่าสุด :07 ต.ค. 2568 | 04:01 น.

ปภ.เปิดรายชื่อพื้นที่เสี่ยงน้ำล้นตลิ่ง น้ำท่วมขัง น้ำป่าไหลหลาก ประจำวันที่ 7 ตุลาคม 2568 เช็กพิกัดจุดเสี่ยงพร้อมอัปเดตสถานการณ์น้ำในประเทศไทยล่าสุดที่นี่

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.)รายงานการแจ้งเตือนสาธารณภัยพื้นที่เสี่ยง น้ำล้นตลิ่ง และน้ำท่วมขัง รวมไปถึง น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมขังในระยะสั้น ประจำวันที่ 7 ตุลาคม 2568 โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ 

น้ำล้นตลิ่ง และน้ำท่วมขัง (เตรียมพร้อมรับสถานการณ์)

  •  จ.พิษณุโลก และอุบลราชธานี

น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมขังในระยะสั้น (เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด)

  •  จ.เชียงราย และน่าน

น้ำล้นตลิ่ง และน้ำท่วมขัง  (เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด)

  • จ.สุโขทัย พิษณุโลก เพชรบูรณ์ พิจิตร นครสวรรค์ อุทัยธานี อุดรธานี ยโสธร สุพรรณบุรี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สระบุรี นครปฐม ปทุมธานี และนนทบุรี

 

ปัจจุบันสถานการณ์อุทกภัยในประเทศไทยล่าสุด ยังมีพื้นที่ 17 จังหวัด 74 อำเภอ 487 ตำบล 2,724 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 108,870 ครัวเรือน 367,372 คน ผู้เสียชีวิต 15 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 6 ตุลาคม 2568) โดยพื้นทีที่ได้รับผลกระทบประกอบไปด้วย จ.อุตรดิตถ์ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สุโขทัย พิจิตร นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นครปฐม ชัยภูมิ อุบลราชธานี และ จ.ฉะเชิงเทรา

สถานการณ์อุทกภัยในประเทศไทยล่าสุด
 

ขณะที่สถานการณ์น้ำในภาพรวมของประเทศไทยในช่วงวันนี้ ปัจจุบันมีปริมาณน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่างมาก และยังคงมีน้ำท่วมขังในหลายพื้นที่ที่สำคัญ ประกอบกับในช่วงวันที่ 9-13 ตุลาคม 2568 จะมีน้ำทะเลหนุน และอาจมีฝนตกในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งจะส่งผลต่อการระบายน้ำในช่วงดังกล่าว โดยนายกรัฐมนตรี ได้มีข้อสั่งการให้ สทนช.วางแผนบริหารจัดการน้ำ ดังนี้ 
1. ให้กรมชลประทานคงการระบายน้ำที่เขื่อนเจ้าพระยาไว้ที่ไม่เกิน 2,500 ลูกบาศก์เมตร/วินาที
2. ลดการระบายน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์และเขื่อนพระรามหก ลง 100 ลบ.ม./วินาที 
3. ให้กรมชลประทาน เพิ่มการระบายน้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออก ผ่านคลองชัยนาท - ป่าสัก

  • เพิ่มการระบายน้ำที่ประตูระบายน้ำมโนรมย์ ให้เต็มศักยภาพที่ 210 ลูกบาศก์เมตร/วินาที
  • ให้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนับสนุนการใช้เครื่องผลักดันน้ำเพิ่มการระบายน้ำ ประตูระบายน้ำ – ทางระบายน้ำ พระนารายณ์ผ่านคลอง 8-16 ผ่านคลองพระองค์เจ้าไชยานุชิต และคลองลาดกระบัง โดยกำหนดจุดติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำเสริมในบริเวณคอคอด
  • ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมพร้อมทุกสถานีสูบส่วนบริเวณปากคลอง และให้เร่งสูบออกอ่าวไทยให้เหมาะสมกับจังหวะน้ำทะเลลง
     

กรมชลประทาน เพิ่มการระบายน้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออก ผ่านคลองชัยนาท - ป่าสัก

4. ระบายน้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก ผ่านแม่น้ำท่าจีน แบ่งเป็น

  • ให้กรมชลประทาน เพิ่มการระบายน้ำผ่านคลองฝั่งตะวันออกแม่น้ำท่าจีน และใช้คลองย่อยเดิมรับน้ำจากทุ่งด้านบนระบายน้ำลงคลองภาษีเจริญเพื่อทำหน้าที่เป็นคลองลัดเสริมการระบายน้ำ
  • ให้กรมชลประทาน เพิ่มการระบายน้ำผ่านคลองย่อยของแม่น้ำท่าจีนฝั่งตะวันตก เสริมการระบายน้ำลงอ่าวไทย
  • ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สนับสนุนการใช้เครื่องผลักดันน้ำเพิ่มการระบายน้ำ โดยกำหนดจุดติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำเสริมในบริเวณคอคอด

5. ให้สำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร เพิ่มการระบายน้ำผ่านกรุงเทพมหานคร บางส่วนอย่างเหมาะสมเพื่อช่วยลดปริมาณน้ำท่วมสะสมในทุ่งเจ้าพระยา และ ต้องไม่ส่งผลกระทบกับกรุงเทพมหานคร
6. เพิ่มการรับน้ำเข้าทุ่งฝั่งซ้าย คลองชัยนาท-ป่าสัก (รับน้ำได้อีก 70 ล้าน ลบ.ม.) และทุ่งรับน้ำท่าวุ้ง ลพบุรี (รับน้ำได้อีก 22 ล้าน ลบ.ม.) มีศักยภาพการรับน้ำ ได้มากกว่าร้อยละ 80
7. บรรเทาปัญหาน้ำท่วมที่บางบาล ไปยังทุ่งบางกุ้ง พระนครศรีอยุธยา (รับน้ำได้อีก 4.7 ล้าน ลบม.)

สทนช.ยืนยันสถานการณ์น้ำปีนี้ ไม่ซ้ำรอยน้ำท่วมใหญ่ปี 54 

ส่วนกรณีความกังวลของพี่น้องประชาชนว่าจะเกิดเหตุซ้ำรอยกับมหาอุทกภัยในปี 2554 นั้น สทนช. ขอยืนยันว่าสถานการณ์ในปีนี้จะไม่รุนแรงเหมือนปี 2554 อย่างแน่นอน เนื่องจากปี 2554 ประเทศไทยได้รับอิทธิพลจากพายุทั้งโดยตรงและทางอ้อม และอยู่ภายใต้สภาวะลานีญา ทำให้ปริมาณฝนเฉลี่ยทั้งปีสูงกว่าค่าปกติถึงร้อยละ 24 และขณะนั้น 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา ได้แก่ เขื่อนภูมิพล สิริกิติ์ แควน้อยบำรุงแดน และป่าสักชลสิทธิ์ รองรับน้ำได้เพียง 324 ล้าน ลบ.ม. และมีน้ำไหลผ่านสถานี C.2 จังหวัดนครสวรรค์ สูงสุด 4,689 ลบ.ม. ต่อวินาที ขณะที่การระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยาสูงสุดถึง 3,726 ลบ.ม. ต่อวินาที นำไปสู่อุทกภัยครั้งใหญ่ในหลายพื้นที่

ขณะที่ในปี 2568 แม้จะมีพายุหลายลูก แต่ทั้งหมดส่งผลทางอ้อมและมีทิศทางที่กระทบต่อไทยน้อยกว่า อีกทั้งยังอยู่ภายใต้สภาวะเป็นกลางถึงสภาวะลานีญากำลังอ่อน ทำให้มีฝนโดยรวมไม่มากนัก โดยปัจจุบันปริมาณฝนเฉลี่ยสูงกว่าค่าปกติร้อยละ 7 รวมถึง 4 เขื่อนหลักยังรองรับน้ำได้อีก 2,185 ล้าน ลบ.ม. และมีน้ำไหลผ่านสถานี C.2 ที่ 2,748 ลบ.ม. ต่อวินาที ระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยา 2,500 ลบ.ม. ต่อวินาที แม้จะมีแนวโน้มเกิดน้ำหลากเฉพาะพื้นที่จากฝนตกหนัก แต่ทุกหน่วยงานได้บูรณาการการบริหารจัดการน้ำอย่างเต็มที่เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนให้ได้มากที่สุด 

สทนช.ยืนยันสถานการณ์น้ำปีนี้ ไม่ซ้ำรอยน้ำท่วมใหญ่ปี 54