วันที่ 9 ก.ย. 68 ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโซล รายงานความสำเร็จของการจัดงาน Sawasdee Seoul Thai Festival 2025 ณ คลองชองกเยชอล กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อช่วงวันที่ 6-7 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นการจัดงานต่อเนื่องมามากกว่า 10 ปี (ไม่นับรวมช่วงโควิด19 ระบาด)
โดยการจัดงานในครั้งนี้มีความพิเศษ เพราะเป็นการจัดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยทำ และใหญ่ขึ้นเป็น 2 เท่าจากปีที่แล้ว เพิ่มจำนวนบูธจากเดิม 34 เป็น 75 บูธ ถือเป็นงานไทยขนาดใหญ่ที่สุดใจกลางกรุงโซล โดยสถานเอกอัตรราชทูตไทย ณ กรุงโซล รายงานโดยอ้างอิงทีมบรรณาธิการ Korea Herald ว่า ปีนี้มีผู้เข้าร่วมงานสะสมราว 81,000 คน ถึง 108,000 คน หรือเฉลี่ยน่าจะเกิน 1 แสนคนในช่วง 2 วันที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม งาน Sawasdee Seoul 2025 แม้จะมีฝนตกสลับกับแดดออกแรงตลอดทั้งวันจองการจัดงานวันแรก แต่ในวันที่ 2 ของการจัดงานนั้น สภาพอากาศเอื้ออำนวย ทำให้ประชาชนเดินทางมาเข้าร่วมงานมากขึ้น นอกจากนี้ ในกรุงโซลจัดใกล้เคียงกันยังมีงานวิ่งมาราธอนซึ่งผู้เข้าร่วมกว่า 20,000 คน และมีงาน Seoul Outdoor Library ด้านล่างคลองชองกเยชอล ซึ่งกรุงโซลจัดขึ้น ช่วยดันยอดผู้เข้าร่วมงานให้เพิ่มขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัจจัยที่ทำให้งาน Sawasdee Seoul 2025 ประสบความสำเร็จ คือการนำ Soft Power ไทยไปเผยแพร่ ซึ่ง Soft Power ที่โดดเด่นเป็นพิเศษของไทย ได้แก่
คุณนัยนชนก ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา เจ้าของแบรนด์ Emily’s เส้นหมี่ไก่ฉีก (คุณเพ็บ) ดีใจมากที่ได้รับเสียงตอบรับที่ดีมากจนถึงขั้นมาคนมาต่อคิวรอซื้อไปรับประทาน หวังว่าเส้นหมี่ไก่ฉีกจะทำให้คนเกาหลีใต้นึกถึงประเทศไทยมากขึ้น โดยนี่ถือเป็นครั้งที่ 2 ของ Emily’s ที่ได้ออกบูธยังต่างประเทศต่อจากสิงคโปร์ ถือว่าพอมีประสบการณ์ ซึ่งได้เตรียมวัตถุดิบบางส่วนที่สามทรถหาได้ในเกาหลีใต้ เช่น เนื้อสัตว์ นำไปปรุงสดในครัวกลาง ส่วนที่ต้องนำเข้าคือบรรจุภัณฑ์ เพื่อคงมาตรฐานภาพลักษณ์ให้เหมือนที่ไทยมากที่สุด
นางสาววรันธร เปานิล (อิ้งค์) ศิลปิน T-Pop ชาวไทย กล่าวว่า นี่เป็นครั้งที่ 2 ของตนที่ได้ทำการแสดงที่เกาหลีใต้ โดยปัจจุบันศิลปินแต่ละคน ถือเป็นส่วนประกอบเล็ก ๆ ของวงการเพลงไทย ที่ค่อย ๆ ทำเพลงที่แตกต่างกันเพื่อนำเสนอความเป็นไทย ทั้งนี้ตนเคยทำเพลงภาษาญี่ปุ่นออกมา เพื่อดึงให้ชาวญี่ปุ่นหันมาฟังเพลงไทยอื่น ๆ ตาม เชื่อว่าการแสดงในต่างแดนจะเป็นการเปิดประตูให้คนต่างชาติ อยากฟังเพลงไทยมากขึ้น
เช่นเดียวกับ 3 หนุ่มวง No One Else มองว่า เดิมทีไม่มั่นใจว่าดนตรีไทย เป็น Soft Power ได้หรือยัง แต่จากการที่ได้ร่วมงานนี้ พบว่ามีคนต่างชาติให้ความสนใจศิลปินไทยพอสมควร เริ่มจากสิ่งเล็ก ๆ แต่ถ้าตั้งใจ คนไทยก็สามารถทำได้เช่นกัน โดวงของตนตัดสินใจสวมใส่เสื้อที่สื่อวัฒนธรรมทางภาคเหนือมาทำการแสดงด้วย
นอกจากนี้ยังมีศิลปิน T-Pop อื่น ๆ ที่น่าสนใจมาร่วมแสดงภายในงาน เช่น Nanon Korapat , Gelboys , Perses , Viis , Ally + Jetaime , Benz Khaokhwan , Felizz Atlas และ Fourth Nattawat
อย่างไรก็ตาม นอกจาก T-Pop และ อาหารไทยแล้ว ปีนี้มีการจัดพิธีเปิดใหญ่ นำโดย บัวขาว บัญชาเมฆ และขบวนพาเรด Soft Power ของไทยราว 400 คน ประกอบด้วยนักฟ้อนรำนาฏศิลป์ไทยเกือบ 100 คน และวงดุริยางค์ ร่วมสร้างความยิ่งใหญ่ตระการตา
ขณะเดียวกันยังมีการเปิดตัว “Innovation Zone” เพื่อนำเสนอผลงานของ Start-Up ไทย ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ ครอบคลุมตั้งแต่เทคโนโลยีด้านการแพทย์สำหรับสัตว์เลี้ยง ไปจนถึงนวัตกรรมเพื่อชีวิตประจำวัน
นอกจากนี้ยังมี การโปรโมทเมืองน่าเที่ยว และแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ ของไทย นอกจากเมืองที่ชาวต่างชาติคุ้นเคย เช่น กรุงเทพฯ เชียงใหม่ และภูเก็ตแล้ว ยังมีผู้แทนจากจังหวัดสุโขทัย ขอนแก่น และพัทยา มานำเสนอเสน่ห์การท่องเที่ยวท้องถิ่น
สำหรับเป้าหมายทางเศรษฐกิจ นั้น นายธานีกล่าวว่า การจัดงานในเดือนกันยายนซึ่งเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงและก่อนเข้าสู่ฤดูหนาวของเกาหลี จะช่วยกระตุ้นความสนใจให้ชาวเกาหลีเดินทางท่องเที่ยวไทยในช่วงไฮซีซั่น คาดว่าจะทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวกลับมาใกล้เคียงระดับก่อนโควิด19 ระบาด ซึ่งปีที่แล้วมีนักท่องเที่ยวเกาหลีเดินทางเข้าไทยเกือบ 2 ล้านคน โดยกว่า 70-80% เคยมาเที่ยวไทยอย่างน้อย 1 ครั้ง ในขณะที่บางรายมาแล้วถึง 2-3 ครั้ง