รายงานข่าวจากสถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง (องค์การมหาชน) หรือ สทร. แจ้งว่า สถาบันวิจัยระบบรางฯเป็นสถาบันหลักด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง บูรณาการความเชี่ยวชาญและทรัพยากรจากทุกภาคส่วน เพื่อยกระดับขีดความสามารถทางเทคโนโลยีและสร้างอุตสาหกรรมระบบรางของประเทศ
ทั้งนี้มีความประสงค์เปิดรับสมัครบุคคลเพื่อสรรหาเป็นผู้ดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง โดยผู้ที่สนใจสามารถยื่นสมัครได้ 2 ช่องทาง ดังนี้
1. ยื่นใบสมัครด้วยตนเองที่สถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง (องค์การมหาชน) ตั้งแต่วันที่ 23 เมษายน- 7 พฤษภาคม 2568 เวลา 16.30 น.
2. ทางไปรษณีย์ตอบรับ โดยจัดส่งมาที่ (EMS) ฝ่ายเลขานุการคณะอนุกรรมการสรรหาผู้อำนวยการ
สถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง (องค์การมหาชน) อาคารศูนย์บริหารทางพิเศษ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เลขที่ 111 ชั้น 10 ถนนริมคลองบางกะปิ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ 10310 ภายในวันที่ 7 พฤษภาคม 2568 โดยยึดถือวันที่ประทับตราไปรษณีย์รับ
ขณะเดียวกันหลังจากปิดรับสมัครแล้วตามกระบวนการจะประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สัมภาษณ์ในวันที่ 16 พฤษภาคม 2568 จากนั้นจะเปิดสัมภาษณ์และแสดงวิสัยทัศน์ในวันที่ 20-21 พฤษภาคม 2568
ทั้งนี้คณะอนุกรรมการสรรหาฯ จะพิจารณาผู้สมัครที่มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะตองหามจากใบสมัคร และพิจารณาความเหมาะสมจากเอกสารประกอบการสมัคร วิสัยทัศน์แผนการบริหาร สทร. ผู้สมัคร และการสัมภาษณ์ ตลอดจนพิจารณาจากข้อมูลอื่นที่จำเป็นในการสรรหาเพื่อประโยชน์ของสถาบัน โดยมีขั้นตอนดังนี้
1.ตรวจสอบคุณสมบัติเบื้องตนของผู้สมัคร และเอกสารหลักฐานประกอบใบสมัคร
2.พิจารณาคัดกรองผู้สมัครจากประวัติ ประสบการณ์ ความรู้ ความสามารถ และวิสัยทัศน์
3. ประกาศรายชื่อผู้สมัครที่มีสิทธิเขารับการสัมภาษณ์และแสดงวิสัยทัศนพร้อมวัน เวลา และสถานที่สัมภาษณ์บนเว็บไซต์สถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง (องค์การมหาชน) http://www.rtrda.or.th
4. ผู้สมัครตาม ข้อ 3. เข้ารับการสัมภาษณ์และแสดงวิสัยทัศน์ต่อคณะอนุกรรมการสรรหาฯ ตามวัน และเวลาที่กำหนด ณ สถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง (องค์การมหาชน)
อย่างไรก็ตามผู้สมัครที่ไม่เข้ารับการสัมภาษณ์และแสดงวิสัยทัศน์ตามวันเวลาและสถานที่ที่คณะอนุกรรมการสรรหาฯ กำหนด จะถือว่าสละสิทธิ์ โดยผู้สนใจขอทราบรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่
สำหรับคุณสมบัติทั่วไปผู้ดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง
1. มีสัญชาติไทย
2. มีอายุไม่เกิน 65 ปีบริบูรณ์
3. เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งมีความรู้ความสามารถ และประสบการณ์เหมาะสมกับกิจการของสถาบันตามที่กำหนดไว้ในวัตถุประสงค์และอำนาจหน้าที่ของสถาบัน
4. สามารถทำงานให้แก่สถาบันได้เต็มเวลา
5. ไม่เป็นบุคคลลมละลายหรือไม่เคยเป็นบุคคลลมละลายทุจริต คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
6. ไม่เคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
7. ไม่เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สมาชิกสภาทองถิ่นหรือผู้บริหารทองถิ่น กรรมการหรือผู้ดำรงตำแหน่งซึ่งรับผิดชอบการบริหารพรรคการเมือง ที่ปรึกษาพรรคการเมือง หรือเจ้าหน้าที่พรรคการเมือง
8. ไม่เคยถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ เพราะทุจริตต่อหน้าที่ หรือถือว่ากระทำการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ
9. ไม่เป็นผู้บริหารของรัฐวิสาหกิจ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์การมหาชนอื่น
10. ไม่เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ พนักงานหรือลูกจ้างของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือหน่วยงานของรัฐ หรือผู้ปฏิบัติงานขององค์การมหาชนอื่น
11. ไม่เป็นผู้มีสวนได้เสียในกิจการที่กระทำกับสถาบัน หรือในกิจการที่เป็นการแข่งขันกับกิจการของสถาบัน ไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อม
ส่วนหน้าที่และความรับผิดชอบของผู้อำนวยการ ดังนี้
ผู้อำนวยการมีหน้าที่บริหารกิจการของสถาบันให้เป็นไปตามกฎหมาย วัตถุประสงค์ของสถาบัน มติคณะรัฐมนตรี ระเบียบ ข้อบังคับ ข้อกำหนด นโยบาย มติ และประกาศของคณะกรรมการ และเป็นผู้บังคับบัญชา เจ้าหน้าที่และผู้ปฏิบัติงานทุกตำแหน่ง รวมทั้งให้มีหน้าที่ดังต่อไปนี้
1. เสนอเป้าหมาย แผนงาน โครงการ และงบประมาณประจำปีต่อคณะกรรมการ เพื่อให้การดำเนินงานของสถาบันบรรลุวัตถุประสงค์
2. ประสานงานและรวมมือกับหน่วยงานในระบบรางทั้งในภาครัฐและเอกชน
3. เสนอความเห็นเกี่ยวกับการปรับปรุงกิจการและการดำเนินงานของสถาบันให้มีประสิทธิภาพและเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของสถาบันต่อคณะกรรมการ
4. เสนอรายงานประจำปีเกี่ยวกับผลการดำเนินงานต่างๆของสถาบัน รวมทั้งรายงานการเงินต่อคณะกรรมการเพื่อพิจารณา
ด้านเงื่อนไขการจางและอัตราเงินเดือน โดยผู้อำนวยการมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละสี่ปี และอาจได้รับแต่งตั้งอีกแต่ต้องไม่เกินสองวาระติดต่อกันและสัญญาจ้างผู้อำนวยการไม่อยู่ภายใต้บังคับแห่งกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน กฎหมายว่าด้วยแรงงานสัมพันธ์ กฎหมายว่าด้วยการประกันสังคม และกฎหมายว่าด้วยเงินทดแทน
ทั้งนี้ผู้อำนวยการจะได้รับประโยชน์ตอบแทนไม่น้อยกว่าที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน กฎหมายว่าด้วยการประกันสังคม และกฎหมายว่าด้วยเงินทดแทน โดยมีอัตราเงินเดือน ขั้นต่ำ 100,000 บาท แต่ไม่เกิน 250,000 บาท ต่อเดือน