รู้จัก "นกชนหิน" เจ้าของฉายา "งาสีเลือด" สัตว์ป่าสงวนชนิดล่าสุดของไทย 

07 ก.ย. 2565 | 18:00 น.

รู้จัก "นกชนหิน" เจ้าของฉายา "งาสีเลือด" เสี่ยงสูญพันธ์ุ หลัง ครม. อนุมัติยกระดับจาก "สัตว์ป่าคุ้มครอง" ลำดับที่ 410 ขึ้นเป็น "สัตว์ป่าสงวน" ในลำดับที่ 20 ของไทย 

นกชนหิน กลายเป็นสัตว์ป่าสงวนชนิดล่าสุดของไทยที่ถูกขึ้นทะเบียนอยู่ในลำดับที่ 20 ตาม ประกาศ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 6 กันยายนที่ผ่านมา ได้อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าสงวนเพิ่มเติม นั่นก็คือ นกชนหิน (Rhinoplex Vigil) เป็นสัตว์ป่าสงวนลำดับที่ 20 เนื่องจากเป็นสัตว์ป่าหายาก ใกล้สูญพันธุ์ จำเป็นต้องสงวนและอนุรักษ์ไว้อย่างเข้มงวด

 

ปัจจุบันพบว่า นกชนหิน ในธรรมชาติเหลืออยู่น้อยมากไม่เกิน 100 ตัว และมีปัจจัยคุกคามสูง เนื่องจากมีโหนกที่ตัน และสวยงามเหมือนลักษณะของงาช้างซึ่งมีสีแดงคล้ายสีเลือด ทำให้เป็นที่ต้องการของตลาดค้าสัตว์ป่าทำให้เกิดการลักลอบล่านกชนหินอย่างมาก เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ แม้ว่าที่ผ่านมานั้น จะกำหนดให้ นกชนหิน เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ลำดับที่ 410 แล้วก็ตาม

 

จากข้อมูล มูลนิธินกเงือกแห่งประเทศไทย ได้เผยถึงปัญหาการล่านกชนหินในปัจจุบันว่ามี 2 ลักษณะ คือ ล่าเพื่อเอาลูกซึ่งฤดูกาลทำรังจะอยู่ในช่วงเดือนธันวาคม -พฤษภาคม และ ถูกนายพรานล่าเพื่อเอาโหนก 

 

ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2558-2562 มีคดีการกระทำผิดด้านสัตว์ป่า กรณีของ "นกชนหิน" จำนวน 3 คดี จับผู้ต้องหาได้จำนวน 5 คน นกชนหินที่ยึดมาได้ยังมีชีวิต จำนวน 3 ตัว เป็นซาก 1 ตัว

ทั้งนี้ องค์กร TRAFFIC ได้ทำการสำรวจติดตามและศึกษาเพื่อประเมิน และประมาณขนาดของการค้านกชนหิน Rhinoplax vigil รวมถึงชิ้นส่วนและผลิตภัณฑ์ของนกเงือกชนิดพันธุ์อื่น ๆ บนช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ หรือ เฟซบุ๊ก ทั้งในกลุ่มเปิดและกลุ่มปิดในประเทศไทยโดยทุกกลุ่มเป็นกลุ่มที่เสนอขายผลิตภัณฑ์จากสัตว์ป่าต่าง ๆ

 

ข้อมูลที่พบจากการสำรวจติดตามตั้งแต่เดือนตุลาคม 2561 - เมษายน 2562 พบการโพสต์เสนอขายอย่างน้อย 236 โพสต์ที่เสนอขายชิ้นส่วนและผลิตภัณฑ์จากนกเงือกมากกว่า 546 ชิ้นใน 32 กลุ่มจากทั้งหมด 40 กลุ่มที่ทำการสำรวจติดตาม หากแบ่งหมวดหมู่ของชิ้นส่วนและผลิตภัณฑ์จากนกเงือกที่ถูกเสนอขายออกเป็น 8 หมวดใหญ่ ได้แก่ โหนกหัว, จี้ห้อยคอ, แหวน, สร้อยคอ, กำไลข้อมือ, หัวเข็มขัด, นกสตาฟ และชิ้นส่วนย่อยอื่น ๆ 

นกชนหิน (อังกฤษ: Helmeted hornbill; ชื่อวิทยาศาสตร์: Rhinoplax vigil)

เป็นนกขนาดใหญ่ในวงศ์นกเงือก พบในประเทศไทย มาเลเซีย สุมาตรา และบอร์เนียว จัดเป็นสัตว์เพียงชนิดเดียวเท่านั้นที่อยู่ในสกุล Rhinoplax โหนกบนหัวมีน้ำหนักประมาณ 11% ของน้ำหนักตัว โหนกนี้ต่างจากของนกเงือกชนิดอื่น ๆ ตรงที่มีลักษณะทึบตันแทบทั้งชิ้น ซึ่งชาวปูนันเชื่อว่า นกชนหินตัวใหญ่เป็นผู้พิกษ์แม่น้ำที่แบ่งกั้นระหว่างความเป็นและความตาย สำหรับตัวผู้จะใช้โหนกนี้เพื่อการต่อสู้แบบเอาหัวชนกัน


นกชนหิน ถือเป็นนกเงือกชนิดหนึ่งที่มีสายพันธุกรรมเก่าแก่ยาวนานถึง 45 ล้านปีมาแล้ว มีลักษณะเด่นกว่านกเงือกชนิดอื่น ๆ ตรงที่สันบนปากมีขนาดใหญ่และหนา เนื้อในสีขาวตันคล้ายงาช้าง นกชนหิน มีจะงอยปากที่ยาวและมีขนหางพิเศษคู่หนึ่งซึ่งจะงอกยาวเลยขนหางเส้นอื่น ๆ ออกไปมากถึง 50 เซนติเมตรอย่างเห็นได้ชัด

 

ลักษณะของนกชนหิน 

นกชนหินตัวผู้

  • มีขนาดลำตัวยาวจากปลายจะงอยปากถึงปลายขนหาง 127 เซนติเมตร ขนลำตัวสีน้ำตาลเข้ม ใต้ท้องสีขาว หางสีขาวมีแถบสีดำพาดขวาง และปลายปีกสีขาวเป็นแถบกว้างและไม่มีขนปกคลุมใต้ปีก จะงอยปากตอนโคน และบนสันสีแดงคล้ำ ตอนปลายสีเหลืองเรื่อๆ บริเวณลำคอที่ไม่ขนในนกตัวผู้จะมีสีแดงคล้ำ

 

นกชนหินตัวเมีย

  • จะมีสีฟ้าซีดหรือสีฟ้า แต่นกวัยอ่อนเพศผู้ ลำคอจะมีสีแดงเรื่อๆ และนกเพศเมียหนังส่วนนี้จะเป็นสีม่วง นอกจากนี้สันบนจะงอยปากจะมีขนาดเล็กกว่า และขนหางยังเจริญไม่เต็มที่ มีลักษณะสั้นกว่านกโตเต็มวัย


อุปนิสัย

  • ปกติจะหากินในระดับยอดไม้ กินผลไม้เป็นส่วนใหญ่ เช่น ลูกไทร บางครั้ง พบว่า กินสัตว์อื่น ๆ เช่น กิ้งก่า กระรอก และนกอีกด้วย
  • มักจะอยู่โดดเดี่ยวหรืออยู่เป็นคู่
  • ฤดูผสมพันธุ์ เริ่มราวปลายเดือนมกราคมหรือต้นเดือนกุมภาพันธ์
  • ทำรังในต้นไม้สูง และใช้วัสดุปิดปากรังเช่นเดียวกับนกเงือกชนิดอื่น ๆ
  • รังของนกชนหินจะไม่เหมือนกับนกเงือกชนิดอื่น ๆ เพราะจะหารังเฉพาะที่อยู่บนตอไม้ หรือเข้าได้ทางด้านบนเท่านั้น เพราะส่วนหัวที่ตันและหางที่ยาว
  • นกชนหินจะเลี้ยงลูกนานกว่านกเงือกชนิดอื่น ๆ คือ 5 เดือน โดยที่แม่นกจะอยู่กับลูกในโพรงตลอดเวลา ไม่มีการพังโพรงออกมาก่อน และจะเลี้ยงลูกได้เพียง 1 ตัวเท่านั้น
  • มีเสียงร้องที่ไม่เหมือนนกชนิดอื่น ๆ นกตัวผู้จะร้องติด ๆ กันดัง "ตู๊ก…ตู๊ก" ทอดเป็นจังหวะ ร้องติดต่อกันยาวเสียงร้องจะกระชั้นขั้นตามลำดับ เมื่อจะสุดเสียงเสียงร้องจะคล้ายเสียงหัวเราะประมาณ 4-6 ครั้ง เมื่อตกใจจะแผดเสียงสูงคล้ายเสียงแตร และเมื่อต่อสู้กันเพื่อแย่งอาณาเขต จะใช้ส่วนหัวที่หนาชนกัน จึงได้ว่าว่า "นกชนหิน" บางครั้งอาจจะบินชนกันในอากาศ

 

ถิ่นอาศัยและการกระจายพันธุ์

นกชนหิน เป็นนกประจำถิ่นที่พบในป่าดิบชิ้นระดับต่ำ พบตั้งแต่แถบเทือกเขาตะนาวศรีลงมาทางใต้จนถึงประเทศมาเลเซีย สุมาตรา และบอร์เนียว สำหรับประเทศไทยกระจายเฉพาะตั้งแต่ จ.ชุมพร จนถึง จ.นราธิวาส พบเป็นกลุ่มขนาดเล็กในป่าดิบชื้นระดับต่ำ โดยมีกลุ่มประชากรหลักอยู่ในอุทยานแห่งชาติบูโด-สุไหงปาดี เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลา และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองแสง


ในประเทศไทย นกชนหินมีสถานะเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 และอนุสัญญาไซเตสจัดเอาไว้ในบัญชีที่ 1 นกชนหินถูกล่าอย่างหนักเพื่อเอาสันบนจะงอยปากบนไปแกะสลักทำเป็นเครื่องใช้และเครื่องประดับที่มีคุณค่าสูงมาก และจากการสูญเสียแหล่งอาศัย จำนวนประชากรจึงลดลงอย่างเห็นได้ชัดเจนในทุกบริเวณที่อาศัย

 

นอกจากนี้ยังพบว่า มีนกชนหินหลงเหลืออยู่ในป่าของประเทศไทยอยู่น้อยกว่า 100 ตัว และพบชิ้นส่วนของนกเงือกอย่างน้อย 546 ชิ้น ซึ่งส่วนมากเป็นโหนกของนกชนหิน ได้ถูกประกาศขายผ่านทางหน้าเฟซบุคในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา 

 


ที่มา มูลนิธิศึกษาวิจัยนกเงือก