svasdssvasds
logo-pwa

เพิ่ม thansettakij

ลงในหน้าจอหลักของคุณ

ติดตั้ง
ปิด
thansettakij

ผงะ! ฝีดาษลิงเพิ่มจำนวนได้ในน้ำอสุจิ น่ากลัวแค่ไหน อ่านเลยที่นี่

03 สิงหาคม 2565

ผงะ! ฝีดาษลิงเพิ่มจำนวนได้ในน้ำอสุจิ น่ากลัวแค่ไหน อ่านเลยที่นี่มีคำตอบ หมอเฉลิมชัยชี้เป็นครั้งแรกของโลกที่พบ

น.พ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ (หมอเฉลิมชัย) รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ blockdit ส่วนตัว "ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย" โดยมีข้อความว่า  

 

ครั้งแรกของโลก พบไวรัสฝีดาษลิงในน้ำอสุจิที่สามารถเพิ่มจำนวนได้ ซึ่งแปลว่าฝีดาษลิงอาจกลายเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์โดยตรง

 

จากกรณีที่มีความสงสัยกันว่า ฝีดาษลิงนั้น นอกจากติดจากการสัมผัสระหว่างตุ่มที่มีไวรัสที่ผิวหนัง กับผิวหนังโดยตรงแล้ว (Skin to Skin)
ยังสามารถติดกันได้จากละอองขนาดใหญ่ (Droplet) ของเสมหะ น้ำมูก น้ำลาย

 

แล้วจะสามารถติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยน้ำอสุจิหรือการมีเพศสัมพันธ์ได้หรือไม่

 

คำถามนี้เกิดขึ้น เนื่องจากฝีดาษลิงในปี 2565 เปลี่ยนแปลงไปจากฝีดาษลิงในอดีต

 

ซึ่งพบในมนุษย์เป็นครั้งแรก ในประเทศคองโก (DRC) เมื่อปี 2513 และเกิดขึ้นเป็นโรคประจำถิ่นเฉพาะในแอฟริกากลางและแอฟริกาตะวันตก โดยที่ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องเพศสัมพันธ์มาเกี่ยวข้อง

ในช่วงแรก ของการระบาดในปี 2565 พบผู้ติดฝีดาษลิงกว่า 90% เป็นผู้ชาย และเป็นชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชายด้วยกันเอง (MSM)

 

ทำให้เกิดความสงสัยเรื่องการติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ว่าเกิดจากการสัมผัสของตุ่มที่บริเวณอวัยวะเพศและรอบทวารหนัก ทำให้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย ติดฝีดาษลิงจากการสัมผัสไวรัสโดยตรง

 

อย่างไรก็ตาม ก็มีรายงานการศึกษาอีก 2-3 รายงาน ทั้งจากอิตาลีและเยอรมัน ที่ตรวจพบสารพันธุกรรมดีเอ็นเอ(DNA) ของไวรัสฝีดาษลิงในน้ำอสุจิ โดยพบตัวเลขอยู่ระหว่าง 79 ถึง 91%

 

ฝีดาษลิงเพิ่มจำนวนได้ในน้ำอสุจิ

 

แต่การพบสารพันธุกรรมดังกล่าว ก็ไม่ได้แปลว่ามีไวรัสที่มีชีวิตและสามารถก่อโรคในน้ำอสุจิได้

 

จนล่าสุด มีการศึกษาที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Lancet โดยการเก็บตัวอย่างน้ำอสุจิจากชายวัย 39 ปี ที่มีประวัติเพศสัมพันธ์กับผู้ชายด้วยกันจำนวนหลายคน โดยไม่ได้ใช้ถุงยางอนามัย

 

โดยเก็บตัวอย่างเป็นระยะ นับจากวันที่มีอาการวันที่ 5 ถึงวันที่ 19 ซึ่งนอกจากจะตรวจพบสารพันธุกรรมเหมือนรายงานอื่นแล้ว

 

 

สิ่งที่น่าสนใจมากก็คือ สามารถเพาะเชื้อหรือทำให้ไวรัสเพิ่มจำนวนได้
จึงนับเป็นครั้งแรก ที่พิสูจน์ได้ว่า มีไวรัสที่สามารถเพิ่มจำนวนหรือแพร่เชื้อในน้ำอสุจิได้

 

โดยผู้ชายคนดังกล่าว มีประวัติเริ่มต้นด้วยจากการเป็นไข้ และมีตุ่มที่ศรีษะ ลามไปหน้าอก ขาแขน มือ และอวัยวะเพศในที่สุด

 

โดยที่มีผลเลือด HIV เป็น + ด้วย

 

ข้อมูลดังกล่าวจึงเป็นที่น่าสนใจและเป็นที่ตื่นเต้นในวงการแพทย์ว่า ในน้ำอสุจิมีไวรัสก่อโรคฝีดาษลิงที่สามารถเพิ่มจำนวนหรือทำให้ติดเชื้อได้

 

ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง (ซึ่งจำเป็นต้องรอรายงานเพิ่มเติม) ให้มากกว่านี้ ก็จะทำให้การควบคุมฝีดาษลิงยากลำบากขึ้น เพราะจะกลายเป็นโรคที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์โดยตรง เช่นเดียวกับโรคเอดส์