5 โรคยอดฮิต คนติด 'Social Media' รู้เร็ว รักษาได้

12 มิ.ย. 2565 | 07:24 น.
อัปเดตล่าสุด :12 มิ.ย. 2565 | 14:32 น.

ติดจอ ติดโซเชียล ติดแชท อาจป่วยโดยไม่รู้ตัว รพ.เปิดข้อมูล 5 โรคยอดฮิต ของคนติด 'Social Media' เช็กตัวเอง รู้ก่อน เพื่อเตรียมรับมือ

12 มิถุนายน 2565 - ปัจจุบัน โทรศัพท์มือถือ เปรียบเป็น ปัจจัยที่ 5 การดำรงชีวิต ของคนยุคสมัยใหม่ โดยเวลาส่วนใหญ่ในแต่ละวันมักถูกใช้ไป กับการ แชท เล่นเฟซบุ๊ก โพสต์อินสตาแกรม ไถทวิตเตอร์ แต่รู้หรือไม่ มีคนจำนวนไม่น้อย ที่ป่วยด้วยโรคต่างๆ อันเกิดมาจากการติด โซเซียลมีเดีย มากเกินควร 

ข้อมูลจาก รพ.ศิครินทร์ ระบุว่า มีโรคยอดฮิต ที่มักเกิดในกลุ่มคนติด 'Social Media' ถึง 5 โรค ด้วยกัน ดังนี้ 

  1. ภาวะซึมเศร้าจากเฟซบุ๊ก
  2. ละเมอแชท
  3. วุ้นในตาเสื่อม
  4. โนโมโฟเบีย
  5. สมาร์ทโฟนเฟซ

5 โรคยอดฮิต คนติด 'Social Media' รู้เร็ว รักษาได้

  • ภาวะซึมเศร้าจากเฟซบุ๊ก (Facebook Depression)

เป็นโรคที่เกิดจากการใช้งานเฟซบุ๊ก สังคมหรือโลกในเฟซบุ๊ก เป็นพื้นที่ในการสร้างความเป็นจริงเทียม (Artificial Reality) ขึ้นมา จากการโพสต์หรือแชร์เรื่องดีๆ แต่เก็บเรื่องแย่ๆ เรื่องร้ายๆ ที่อยากปกปิดเอาไว้ในชีวิต เราจึงเห็นแต่คนที่มีชีวิตสมบูรณ์แบบเต็มไปหมด เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับตัวเอง จึงเกิดความรู้สึกไร้ค่า และเป็นต้นเหตุของโรคซึมเศร้าจากเฟซบุ๊ก หรือ Facebook Depression Syndrome

 

คนที่ถูกเพื่อน ๆ ปฏิเสธหรือเป็นที่รังเกียจในโลกเฟซบุ๊กจะเป็นอันตรายมากกว่าถูกปฏิเสธในโลก แห่งความจริง และหลายรายอาจมีปัญหาซึมเศร้าตามมา การใช้เฟซบุ๊กมากเกินไป อาจกลายเป็นการบั่นทอนความสุขของตนเอง ดังนั้นวิธีการลดความเสี่ยงต่อการเป็นภาวะนี้คือ การงดหรือหลีกเลี่ยงการใช้เฟซบุ๊ก และปรับเวลาในการใช้งานให้น้อยลง

 

  • ละเมอแชท (Sleep Texting)

มีสาเหตุมาจากการติดมือถือมากเกินไป ผู้ที่มีอาการเข้าข่ายเป็นโรคนี้จะไม่ปล่อยโทรศัพท์ไว้ห่างจากตัว จะมีอาการอยู่ในสภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่น และถูกกระตุ้นการตอบสนองของสมองด้วยการลุกขึ้นมาตอบกลับข้อความทันทีหลังจากได้ยินเสียงแจ้งเตือน หรือเมื่อมีการสั่นเตือน ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ทำให้นอนหลับไม่สนิท สะดุ้งตื่น พักผ่อนไม่เพียงพอ รวมถึงระบบการทำงานต่างๆ ของร่ายกาย รู้สึกเหนื่อยง่าย ไม่มีแรงในการทำกิจกรรมต่างๆ เกิดความเครียดสะสม และเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วนอีกด้วย

 

  • วุ้นในตาเสื่อม (Eye Floaters)

ปัจจุบัน ภาวะวุ้นในตาเสื่อมไม่ได้เกิดกับผู้สูงอายุเท่านั้น แต่ยังพบว่าเกิดขึ้นกับวัยทำงาน และคนที่อายุน้อยเพิ่มมากขึ้น ซึ่งมีสาเหตุมาจากพฤติกรรมการใช้หน้าจอที่มากเกินไป โรควุ้นในตาเสื่อมเป็นภาวะที่มองเห็นจุดเล็กๆ ลอยผ่านไปมา โดยจะมีรูปร่างและขนาดที่แตกต่างกันไป  เช่น จุดดำเล็ก ๆ หรือวงใหญ่ ๆ คล้ายเมฆ ซึ่งผู้ป่วยอาจพบว่าเกิดเป็นจุดขนาดเล็กหลาย ๆ จุดพร้อมกัน หรือมีเพียงจุดขนาดใหญ่เกิดขึ้นเพียง 1 หรือ 2 จุด และจะสามารถสังเกตได้ชัดเจนเมื่อมองไปที่ที่มีพื้นหลังสีสว่าง

 

  • โนโมโฟเบีย (Nomophobia)

โรคกลัวไม่มีมือถือใช้ มาจากคำว่า no mobile phone phobia เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทที่สำคัญในชีวิตประจำวันของเรา ซึ่งส่วนใหญ่มักพบผู้ป่วยโรคนี้ในกลุ่มวัยรุ่น สังเกตอาการว่าเราอาจเสี่ยงเป็นโรคนี้ คือ จะมีอาการหงุดหงิด กระวนกระวายใจ เมื่อหามือถือไม่เจอ หรือไม่มีสัญญาณ internet หมกมุ่นอยู่กับการใช้มือถือเป็นประจำ ทั้งก่อนนอนและตื่นนอน ตื่นตัวทุกครั้งเมื่อได้ยินเสียงเตือน และต้องมีมือถือติดตัวอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะทำกิจกรรมหรือกิจวัตรประจำวันอะไรอยู่ก็ตาม ในบางรายจะมีความสนใจและให้ความสำคัญกับโลกออนไลน์มากกว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งทำให้ขาดปฏิสัมพันธ์กับบุคคลรอบข้าง เกิดความเครียด และส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายและสุขภาพจิตใจ

 

  • สมาร์ทโฟนเฟซ (Smartphone Face)

โรคสมาร์ทโฟนเฟซ (Smartphone face) หรือโรคหน้าแก่ก่อนวัย เกิดจากการที่เราก้มลงมองหน้าจอเป็นเวลานานเกินไป ทำให้กล้ามเนื้อคอเกิดอาการเกร็งและไปเพิ่มแรงกดบริเวณแก้ม ผิวบริเวรลำคอหย่อนคล้อย เหี่ยวย่น หรือที่เรียกว่า “เหนียง” นั่นเอง

 

ขณะเล่นมือถือ ควรให้อยู่ในระดับสายตา ไม่ควรก้มหน้ามากเกินไป และจำกัดเวลาในการเล่นมือถือให้น้อยลง อีกทั้งยังเป็นการช่วยเพิ่มสัมพันธภาพที่ดีกับคนรอบข้างอีกด้วย 

 

ที่มา : บทความสุขภาพ รพ.ศิครินทร์