ช่วงนี้ผู้คนในสังคมไทยต้องพบเจอกับข่าวเครียดรายวัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจำนวนผู้ติดเชื้อ Covid-19 ที่ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะลดลง ข่าวปัญหาเรื่องการจัดหาและจัดสรรวัคซีน ข่าวเตียงโรงพยาบาลทั่ว กทม. เต็มไม่สามารถรับผู้ป่วยได้ ข่าวปัญหาเศรษฐกิจสังคม ปัญหาหนี้ครัวเรือน และปัญหาอื่นๆ ที่น่าเศร้าอีกมากมาย
อ่านข่าวจบแล้ว มาอ่านทัศนะผู้คนใน Social Media ไม่ว่าจะบน Facebook หรือใน Line Group ต่างๆ ก็ยิ่งตอกยํ้าความเลวร้ายของสถานการณ์ ตอกยํ้าความตึงเครียดของคนในสังคมรวมถึงความรู้สึกต่างๆ เช่นความกลัว ความเครียด ความโกรธ ทำให้สภาพจิตใจของผู้เสพอาจจะแย่ลงไปอีก
วันนี้ผู้เขียนเลยอยากมาชวนคุยถึงงานวิจัยที่น่าสนใจเกี่ยวกับการที่ Social Media สามารถมีผลกระทบกับสุขภาพจิตใจ รวมถึงแนวทางที่เราจะสามารถประคับประคองรักษาจิตใจให้เราสามารถผ่านเหตุการณ์ช่วงนี้ไปได้ด้วยกัน
งานวิจัยโดย Allcott et al. (2020) ซึ่งตีพิมพ์ลง วารสาร American Economic Review ค้นพบว่า แม้ Social Media จะมีข้อดี เช่น ทำให้ผู้คนได้รับข้อมูลข่าวสารอย่างรวดเร็ว และสามารถ Stay Connected กับเพื่อนฝูงได้ แต่หากได้ทำการทดลองจริงๆ โดยให้คนเลิกใช้ Facebook เป็นเวลา 4 สัปดาห์(โดยการ Deactivate Account)
คณะผู้วิจัยค้นพบว่า กลุ่มผู้ร่วมการทดลองที่เลิกใช้ Facebook นั้น มีความสุข (Subjective Well-Belling) มากขึ้น รวมถึงมีความซึมเศร้า (Depression) ลดลง และมีความวิตกกังวล (Anxiety) ลดลง
นอกจากนี้คณะผู้วิจัยยังค้นพบอีกด้วยว่า ระหว่างที่ผู้ ร่วมการทดลอง Deactivate Facebook นั้น ผู้ร่วมการทดลองก็เข้าใช้ Social Media อื่นๆ น้อยลง และมี Online Activities อื่นๆเช่น Email, Text Messages น้อยลง
โดยคนเหล่านี้ใช้เวลา กับ Offline Activities มากขึ้น รวมถึงได้พบปะเพื่อนฝูงหรือญาติมิตรเพิ่มขึ้น โดยทุกคนมีเวลาเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยประมาณวันละ 1 ชั่วโมง นอกจากนี้เมื่อการทดลองจบไปแล้ว 80% ของผู้ร่วมการทดลองบอกว่า การที่พวกเขาได้ Deactivate Facebook ไป 4 สัปดาห์นั้นเป็นผลดีกับชีวิตพวกเขา
งานวิจัยโดย Fioravanti et al. (2020) มีการสร้างการทดลองที่คล้ายกัน แต่เปลี่ยน Social Media ที่ใช้เป็น Instagram โดยงานวิจัยนี้คณะผู้วิจัยค้นพบผลกระทบของการเลิกใช้ Instagram ของผู้หญิงกับผู้ชายนั้นต่างกัน โดยหากผู้ร่วมการทดลองเป็นผู้หญิง เมื่อเลิกใช้ Instagram ประมาณ 1 สัปดาห์จะมีความพอใจในชีวิต (LifeSatisfaction) มากกว่าผู้หญิง ที่ไม่ได้เลิกใช้
ในขณะที่เมื่อทำการทด ลองนี้กับผู้ชาย คณะผู้วิจัยไม่พบความแตกต่างในเรื่องความพอใจในชีวิต (Life Satisfaction) ของผู้ชายที่เลิกใช้ Instagram กับผู้ชายที่ไม่ได้เลิกใช้ โดยคณะผู้วิจัยให้เหตุผลว่าผู้หญิงกับผู้ชายอาจจะมี Investment (เช่นในเรื่องรูปลักษณ์) รวมถึงความสนใจใน Social Comparison ที่ไม่เท่ากันใน Social Media ประเภท Instagram
จะเห็นได้ว่าแม้กระทั่งช่วงเวลาปกติที่ไม่ใช่ช่วงวิกฤติ Covid-19 (ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่งานวิจัยเหล่านี้ได้ทำการทดลอง) Social Media ยังมีผลกับสภาพจิตใจของเราได้ทั้งในเรื่องของ ความสุข ความพอใจในชีวิต ความซึมเศร้า และความวิตกกังวล ดังนั้นช่วงนี้ที่เป็นช่วงวิกฤติหนัก ผลกระทบของ Social Media ต่อสภาพจิตใจก็อาจยิ่งทวีคูณขึ้นไปอีก
การรักษาสุขภาพจิตใจในช่วงนี้เป็นเรื่องสำคัญ หากการเสพ Social Media ทำให้จิตใจแย่ลง อาจควรลดการเสพลง หรือทำ Digital Detox (คืองดใช้ไปเสียช่วงเวลาหนึ่ง) ควรพยายามเอากายเอาใจเราไปในอยู่ในพื้นที่ๆ ผ่อนคลาย หรืออ่านหนังสือที่ช่วยเยียวยาจิตใจ รวมถึงพยายามออกกำลังกายเพื่อช่วยเพิ่มสารความสุขในร่างกาย
วิกฤติ Covid-19 รอบนี้คงยังยืดเยื้ออีกนาน ขอเป็น กำลังใจให้ทุกท่านสามารถเลี้ยงรักษาจิตใจเอาไว้ให้ผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ด้วยกันค่ะ
References:
1. Allcott, H., Braghieri, L., Eichmeyer, S., & Gentzkow, M. (2020). The welfare effects of social media. American Economic Review, 110(3), 629-76.
2. Fioravanti, G., Prostamo, A., & Casale, S. (2020). Taking a short break from Instagram: The effects on subjective well-being. Cyberpsychology, Behavior, and Social Networking, 23(2), 107-112.