อย. คุมเข้ม GMO “สับปะรดสีชมพู” ต้องขออนุญาตนำเข้า

04 มิ.ย. 2565 | 04:06 น.

อย. เพิ่มมาตรการคุมเข้มผักผลไม้ GMO หลังพบร้องเรียนมีการลักลอบนำเข้า หวั่นปนเปื้อนผลไม้ท้องถิ่น ล่าสุดร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เฝ้าระวัง “สับปะรดสีชมพู” ชี้ เป็นสิ่งต้องห้ามตาม พ.ร.บ.กักพืชฯ หากนำเข้าต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย

นพ.วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ตามที่สภาองค์กรของ ผู้บริโภคได้จัดแถลงข่าว “ผักผลไม้ GMOs บุกไทย หน่วยงานรัฐใดต้องรับผิดชอบ หวั่นปนเปื้อนผลไม้พื้นถิ่น ผู้บริโภคเสี่ยง กระทบการส่งออกผลไม้” ซึ่งเรียกร้องให้ภาครัฐจัดการปัญหาลักลอบนำเข้า ผักผลไม้จีเอ็มโอ

 

โดยเฉพาะสับปะรดสีชมพูนั้น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้เพิ่มมาตรการกำกับดูแลตาม กฎหมาย โดยกำหนดให้อาหารที่ได้จากเทคนิคการดัดแปรพันธุกรรมหรือ GMO เป็นอาหารห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย

เว้นแต่ผ่านการประเมินความปลอดภัยตามเกณฑ์ที่กำหนด และแก้ไขให้อาหาร GMO ทุกชนิด ต้องแสดงฉลากตามเกณฑ์ที่กำหนด โดยออกประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่องอาหารจากสิ่งมีชีวิตดัดแปร พันธุกรรม

 

และประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่องการแสดงฉลากครอบคลุมอาหารที่ได้จากสิ่งมีชีวิตดัดแปร พันธุกรรม ขณะนี้ ประกาศฯ ทั้ง 2 ฉบับดังกล่าว อยู่ระหว่างประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อให้มีผลใช้บังคับ ทางกฎหมายต่อไป

สับปะรด จัดเป็นอาหารทั่วไป ตามพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 การนำเข้าซึ่งอาหาร เพื่อจำหน่ายต้องมีใบอนุญาตนำเข้า และผ่านการตรวจสอบของด่านอาหารและยา แต่สับปะรดสีชมพู เป็นสิ่งต้องห้ามตามพระราชบัญญัติกักพืช พ.ศ. 2507 การนำเข้าจึงต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมายดังกล่าว

 

อย. ร่วมกับกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เฝ้าระวังการนำเข้าสับปะรดสีชมพูอย่าง เข้มงวด และจากการตรวจสอบของทั้ง 2 หน่วยงาน ไม่พบข้อมูลการนำเข้าสับปะรดสีชมพู

 

แต่จากการที่ พบมีการจำหน่ายเชื่อว่าไม่ผ่านตามขั้นตอนของกระบวนการที่ถูกต้องตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 หน่วยงานจะประสานกับกรมศุลกากรเพื่อเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด ป้องกันไม่ให้มีการลักลอบนำเข้า สับปะรดสีชมพูเข้ามาในประเทศต่อไป