โควิดวันนี้atk ยอดติดเชื้อกว่า 1.8 หมื่นราย หมอธีระแนะ 3 ข้อหลังเลิก Test&Go

07 พ.ค. 2565 | 04:40 น.

โควิดวันนี้atk ยอดติดเชื้อกว่า 1.8 หมื่นราย หมอธีระแนะ 3 ข้อหลังเลิก Test&Go พร้อมเร่งจัดระบบบริการทางการแพทย์และบริการสนับสนุนทางสังคม เพื่อรองรับการดูแลผู้ที่ประสบปัญหา Long COVID 

โควิดวันนี้ยังคงเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากประชาชน ทั้งจำนวนของผู้ติดเชื้อในแต่ละวัน และผู้เสียชีวิต

 
รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ (หมอธีระ) คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Thira Woratanarat (ป๊ามี้คีน)" โดยมีข้อความว่า 

 

  • 8,450

 

  • ATK 10,467

 

  • รวม 18,917

 

จำนวนติดเชื้อรวม ATK ของวันนี้ น้อยกว่าสัปดาห์ก่อน 25.19% 

 

และน้อยกว่าสองสัปดาห์ก่อน 52.69%

 

บุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อ 175 คน (ชาย 31, หญิง 144)

หมอธีระยังโพสต์ด้วยว่า

 

ทางต่างประเทศอีเมล์มาถาม 2 เรื่องที่น่าสนใจ

 

โดยถามว่าไทยเรานั้นกำลังโปรโมทท่องเที่ยวเต็มที่ และยกเลิก Test and Go ไป เค้าอยากรู้ว่าจะส่งผลกระทบต่อการระบาดหรือไม่ 

 

รัฐบาลควรทำอย่างไรที่จะรักษาสมดุลระหว่างสุขภาพและเศรษฐกิจ และจะแนะนำประชาชนอย่างไรดี ท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้

 

 โควิดวันนี้atk ยอดติดเชื้อกว่า 1.8 หมื่นราย

 

ตอบไปยาว แต่สรุปได้ว่า

 

ปัจจุบันการระบาดกระจายทั่ว เนื่องจากนโยบายและมาตรการด้านสาธารณสุขในช่วงปีที่ผ่านมานั้นไม่สามารถจัดการการระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพเพียงพอ (ทั้งนี้ต้องเข้าใจว่าตัวเลขขาลงในปัจจุบันนั้นมันเป็นไปตามธรรมชาติของระลอกการระบาดดังที่เคยอธิบายไปแล้วหลายครั้ง โดยขาลงของไทยเรานั้นช้าและยาวนานกว่าหลายประเทศทั่วโลก) 

 

ดังนั้น ณ จุดนี้ คงทำอะไรได้ยาก

 

แต่การโปรโมทท่องเที่ยวระหว่างประเทศ โดยยกเลิก Test and Go ไปนั้นย่อมส่งผลแน่นอน ในเรื่องการแพร่กระจายของสายพันธุ์ใหม่ๆ เช่น BA.4, BA.5, BA.2.12.1 ที่จะเข้ามาและทำให้ระบาดในประเทศปะทุขึ้นได้ในอนาคต 
 

ทั้งนี้ประชากรของเรานั้น กลุ่มเสี่ยงได้แก่ ผู้สูงอายุ และเด็กเล็กนั้น ยังได้รับวัคซีนกันน้อย โดยเฉพาะเข็มกระตุ้น ดังนั้นจึงเสี่ยงต่อการป่วยและเสียชีวิตได้

 

เหนืออื่นใด ปัญหาที่จะเกิดขึ้นแน่นอน ณ ปลายอุโมงค์คือ Long COVID ที่จะส่งผลบั่นทอนคุณภาพชีวิต บั่นทอนสมรรถนะในการใช้ชีวิต การทำงาน และเป็นภาระค่าใช้จ่ายในระยะยาว

 

คำแนะนำที่คิดว่าพอทำได้คือ

 

  • การใส่หน้ากากอย่างเป็นกิจวัตรนั้นเป็นเรื่องที่ควรทำ จนกว่าการระบาดทั่วโลกจะสามารถควบคุมได้

 

  • รัฐควรให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่ประชาชนว่าปัญหา Long COVID นั้นเป็นเรื่องสำคัญ และการป้องกันตัวไม่ให้ติดเชื้อย่อมดีกว่า นอกจากนี้รัฐควรเร่งจัดระบบบริการทางการแพทย์และบริการสนับสนุนทางสังคม เพื่อรองรับการดูแลผู้ที่ประสบปัญหา Long COVID 

 

  • ครึ่งหลังของปีนี้ ควรขันน็อตระบบการเฝ้าระวังในสถานที่เสี่ยงสูงต่อการระบาดให้ดี ได้แก่ โรงพยาบาล สถานดูแลผู้สูงอายุระยะยาว สถานศึกษา เพื่อให้การดำเนินชีวิตและการประกอบกิจการเป็นไปได้อย่างราบรื่นและปลอดภัย 

 

สถานที่ที่มีกิจกรรมเสี่ยงนั้นคงต้องดูแลระบบภายในของตนเองให้ดี ตั้งอยู่บนความไม่ประมาท

 

เหนืออื่นใด หากประชาชนแต่ละคนมี health conscious รู้เท่าทันสถานการณ์ ได้รับรู้ข้อมูลและความรู้ที่ถูกต้อง ไม่บิดเบือน ไม่ปกปิด ก็ย่อมจะสามารถตัดสินใจเลือกประพฤติปฏิบัติตัวได้อย่างถูกต้องเหมาะสม