"คนสนิทเบิกจ่ายเอง" เจ้าอาวาส-ผอ.โรงเรียนวัดคิรีวิหารไม่เกี่ยวเงินบูรณะ

06 เม.ย. 2565 | 07:44 น.

เจ้าอาวาส-ผอ.โรงเรียนวัดคิรีวิหาร ตราด ปฏิเสธลั่น เงินไม่เคยผ่านบัญชี  ผู้คุมงานก่อสร้างยันคนสนิทสมเด็จพระวันรัต เก็บเช็คไว้เบิกเอง ด้านเจ้าของโรงโม่เพชรสยามศิลาตราด รับมีเงินผ่านบัญชี 153 ล้านบาท เป็นค่าก่อสร้าง แต่ไม่เกี่ยวข้องกับการเบิกจ่าย คนสนิทสมเด็จฯดูเอง

 เหตุทุจริตเงินวัดบวรฯ ที่คนสนิทสมเด็จพระวันรัต ยักยอกเงิน 90 ล้านบาท โครงการก่อสร้างวัด-โรงเรียน ที่ตำบลชำราก อ.เมืองตราด จ.ตราด บ้านเกิดสมเด็จพระวันรัต ผู้สื่อข่าวเดินทางไปติดตามปัญหานี้ที่วัดและโรงเรียนคิรีวิหาร ต่างยืนยันคนใกล้ชิดสมเด็จฯจัดการเรื่องเบิกจ่ายเงินให้เองทั้งหมด ไม่เคยผ่านบัญชีวัดหรือโรงเรียนเลย 

 

พระโสภณธรรมธาดา (หัน คุณวตฺโต) เจ้าอาวาสวัดคิรีวิหาร ที่จำวัดอยู่และมีอาการโรคหัวใจ ได้เปิดเผยว่า ในเรื่องการทุจริตเงินพัฒนาวัดคิรีวิหาร และโรงเรียนวัดคิรีวิหารนั้น ไม่ทราบเรื่องนี้มาก่อน เพิ่งมาทราบจากผู้สื่อข่าว ซึ่งสมเด็จวันรัตท่านเป็นผู้เกิดที่ตำบลชำราก และบวชเรียนที่วัดก่อนจะไปเรียนที่วัดบวรนิเวศวิหาร 

พระโสภณธรรมธาดา (หัน คุณวตฺโต) เจ้าอาวาสวัดคีรีวิหาร

"คนสนิทเบิกจ่ายเอง" เจ้าอาวาส-ผอ.โรงเรียนวัดคิรีวิหารไม่เกี่ยวเงินบูรณะ

เมื่อเติบโตขึ้นและมีตำแหน่งทางสงฆ์ จึงได้เดินทางมาพัฒนาวัดคิรีวิหารที่เคยได้บวชเเละเรียน โดยเริ่มมาดำเนินการเมื่อปี 2523 ด้วยการเดินทางมาและนำกฐินมาทอดอย่างต่อเนื่องทุกปี ซึ่งได้มีการสร้างกุฏิ และบูรณะวัด และได้มาสร้างที่พักในบริเวณวัด ซึ่งใช้เป็นที่พักของสมเด็จวันรัตเมื่อเดินทางมาที่จ.ตราด 

 

“ส่วนเรื่องการนำเงินพัฒนาวัดและโรงเรียนนั้น อาตมาไม่ทราบเรื่องเงิน และไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องแต่ประการใด เพราะเป็นเงินคนละส่วน และไม่มีกรรมการวัดรับรู้ทั้งสิน ส่วนจะมีมาดำเนินการนั้นไม่รู้ แต่สิ่งที่ดีงามก็คือ เป็นผู้ที่ไม่ทิ้งถิ่นไม่ทิ้งที่ และมีความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ อาตมาเป็นเสมือนลูกพี่ลูกน้อง อายุเท่ากันแต่มีพรรษามากกว่าเท่านั้น ส่วนสถานที่ก่อสร้างโรงเรียนก็เป็นเพียงผู้จัดหาที่ให้เท่านั้น”

"คนสนิทเบิกจ่ายเอง" เจ้าอาวาส-ผอ.โรงเรียนวัดคิรีวิหารไม่เกี่ยวเงินบูรณะ

นางสาวธิดา เมฆวะทัต ผู้อำนวยการโรงเรียนคีรีวิหาร(สมเด็จวันรัตอุปถัมป์)

ขณะนางสาวธิดา เมฆวะทัต ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดคิรีวิหาร(สมเด็จวันรัตอุปถัมป์) เปิดเผยว่า ได้เข้ามาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา จากเดิมที่เข้ามาอยู่โรงเรียนคีรีเวสรัตนเพียรอุปถัมป์ เมื่อผู้อำนวยการคนเก่าเกษียณอายุ จึงเข้ามาดำรงตำแหน่งแทน และต่อมามีการรวมโรงเรียนวัดคิรีวิหาร และโรงเรียนคีรีเวสรัตนเพียรอุปถัมป์เข้าด้วยกัน 

 

ต่อมาสมเด็จพระวันรัตมีดำริที่จะก่อสร้างโรงเรียนให้ เพื่อยกระดับพัฒนาโรงเรียนให้มีมาตรฐานการเรียนการสอนที่เท่าเทียมกับโรงเรียนในตัวจังหวัด เพื่อให้ลูกหลานชาวตำบลชำรากไม่ต้องเดินทางไปเรียนไกลบ้าน ซึ่งอาคารที่มีการก่อสร้างทุกอาคาร ได้รับงบประมาณจากสมเด็จพระวันรัตทั้งหมด และเงินก่อสร้างไม่ผ่านบัญชีของโรงเรียนแต่ประการใด

"คนสนิทเบิกจ่ายเอง" เจ้าอาวาส-ผอ.โรงเรียนวัดคิรีวิหารไม่เกี่ยวเงินบูรณะ

 “ดิฉันได้เข้ามาเมื่อ 3 ปีที่แล้ว และเมื่อเข้ามาก็เสนอให้ยุบโรงเรียนคีรีเวสรัตนเพียรอุปถัมป์ และย้ายมาอยู่ในที่เดียวกัน และได้ขอย้ายสังกัดจากสำนักงานพื้นที่เขตประถมศึกษาตราด ไปอยู่ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่มัธยมศึกษาที่ 17 (จันทบุรี-ตราด) ซึ่งงบประมาณของโรงเรียนจะได้เป็นค่าหัวของจำนวนนักเรียน 

 

ส่วนที่มีการก่อสร้างอาคาร หรืออุปกรณ์เครื่องมือที่ทันสมัยนั้น ได้รับงบประมาณดำเนินการจากเงินของสมเด็จพระวันรัตทั้งหมด ไม่เกี่ยวข้องกัน ซึ่งเท่าที่รับทราบก็คือ ได้มีการจัดสรรเงินเพื่อดำเนินการก่อสร้างทั้งหมดไว้แล้ว โดยจะมีคนใกล้ชิดเป็นผู้ดำเนินการทั้งหมด ส่วนที่เคยขอไปก็คือ อาคารเรียนอนุบาลและโรงอาหาร ท่านก็ได้ดำเนินการก่อสร้างให้ และใกล้จะเสร็จแล้ว”ผู้อำนวยการโรงเรียน กล่าว

"คนสนิทเบิกจ่ายเอง" เจ้าอาวาส-ผอ.โรงเรียนวัดคิรีวิหารไม่เกี่ยวเงินบูรณะ

นายสาวธิดา กล่าวอีกว่า ก่อนที่สมเด็จวันรัตจะละสังขาร ได้กล่าวให้ความมั่นใจว่า อาคารทั้งหมดจะมีงบประมาณก่อสร้างทั้งหมด และเสร็จตามวัตถุประสงค์ เพราะได้มีการเตรียมงบประมาณไว้หมดแล้ว จึงไม่น่าเป็นห่วงในเรื่องนี้ ขณะที่การดำเนินต่อไปจากนี้ คืองานดูแลโรงเรียนให้ดี ให้สมกับวัตถุประสงค์ที่สมเด็จฯได้ดำริไว้ 

 

ขณะที่ผู้คุมงานก่อสร้าง (ไม่ขอเปิดเผยชื่อ) ที่กำลังคุมแรงงานก่อสร้างโรงอาหาร-โรงยิม โรงเรียนวัดคิรีวิหาร(สมเด็จพระวันรัต อุปถัมภ์) ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าว ว่าตนเองเป็นลูกศิษย์คนหนึ่งของเจ้าประคุณ สมเด็จพระวันรัต เมื่อเวลามีโครงการก่อสร้างของเจ้าประคุณ ตนเองก็จะเป็นผู้ได้รับความไว้วางใจ ให้เข้าคุมแรงงานก่อสร้าง โดยอาคารโรงเรียนวัดคิรีวิหารทั้งหมด ตนเองเป็นผู้คุมงานแรงงานก่อสร้างทุกหลัง และจะมีลูกศิษย์อีกคนหนึ่งของเจ้าประคุณ เข้ามาตรวจงานอีกรอบ 

"คนสนิทเบิกจ่ายเอง" เจ้าอาวาส-ผอ.โรงเรียนวัดคิรีวิหารไม่เกี่ยวเงินบูรณะ

ส่วนเรื่องงบประมาณในการก่อสร้างอาคารแต่ละหลังของโรงเรียนนั้นตนเองไม่รู้ยอดเงิน เพราะที่ผ่านมา เจ้าประคุณจะเบิกเงินมาจ่ายให้เองในแต่ละงวด จึงไม่มีปัญหาในเรื่องของการทุจริต แต่เมื่อเจ้าประคุณเข้ารักษาอาการอาพาธโรคมะเร็งถุงน้ำดี  เมื่อเดือนธันวาคม 2564 พบพฤติกรรมที่นายเนยเขียนเช็คออกมา เพื่อนำเงินไปจ่ายตามโครงการก่อสร้างต่าง ๆ แต่ไม่ยอมนำไปให้ เป็นลักษณะที่เก็บเช็คเอาไว้เอง

 

ทางด้านนายสุรศักดิ์ อิงประสาร เจ้าของโรงโม่เพชรสยามศิลาตราด และผู้บริจาคที่ดิน 30 ไร่ เพื่อก่อสร้างวัดรัตนวราราม กล่าวว่า ได้รู้จักสมเด็จพ่อ (สมเด็จพระวันรัต) เมื่อ 6 ปีที่ผ่านมา และเมื่อทราบว่าท่านต้องการสร้างวัดจึงได้บริจาคที่ดินจำนวน 30 กว่าไร่ เพื่อก่อสร้างวัดรัตนวราราม 

 

ซึ่งกว่าจะดำเนินการก่อสร้าง ได้ต้องขออนุญาตจากสำนักพุทธจังหวัดตราด เพื่อส่งไปยังส่วนกลาง ซึ่งเมื่อได้รับการอนุญาตแล้วได้ดำเนินการวางศิลาฤกษ์ โดยมีพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา มาเป็นประธาน หลังจากนั้น สมเด็จพ่อได้มอบหมายให้คนชื่อเนยและมงคล เข้ามาดูแลและโอนเงินเข้ามาในบัญชีของโรงโม่เพชรสยามศิลาตราด โดยการเบิกจ่ายมี 3 คน ซึ่งตนเองก็เป็น 1 ในนั้น แต่จะไม่เคยไปเบิกจ่ายในธนาคาร เพราะจะมีผู้เบิกจ่ายแทน 

 

โดยเงินทั้งหมดที่ดำเนินการก่อสร้างมา 5-6 ปีนั้น ผ่านเข้าบัญชีจำนวน 134 ล้านบาท และล่าสุดก่อนที่สมเด็จพ่อจะละสังขาร ได้โอนเงินมาให้ 19 ล้านบาท เพื่อดำเนินก่อสร้างในส่วนที่เหลืออีก 10%

 

“ผมขอบอกเลยว่า ที่ผ่านมาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องการเบิกจ่ายเงินใด ๆ และไม่มีส่วนร่วมการยักยอกเงินในครั้งนี้ เพราะว่าการเบิกเงินจะมีผู้รับรู้อยู่ 3 คน และการเบิกจ่ายจะใช้ 2 ใน 3 แต่ผมไม่เคยไปเบิกเลย เเต่เมื่อมีค่าใช้จ่ายเท่าไรก็จะแจ้งไปแล้วนำมาจ่าย ทั้งในเรื่องค่าแรง ค่าวัสดุก่อสร้าง หรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ทั้งหมด ซึ่งรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้มาก เพราะคนใกล้ชิดเป็นผู้กระทำ ซึ่งก่อนหน้านี้สมเด็จพ่อได้เปรยมา ขอให้เร่งสร้างให้เสร็จก่อนที่จะไม่ได้เห็นวัด ซึ่งก็ไม่คิดว่าจะมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น แต่ก็ต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จตามเจตจำนงของสมเด็จพ่อให้ได้”

 

นายสรุศักดิ์ กล่าวอีกว่า ในวันที่ 6 เมษายน 2565 ได้รับการประสานผู้บัคับการกองปราบปราม จะเดินทางมาพบที่โรงโม่หินเพชรสยามศิลาตรา ดเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งพร้อมที่จะให้ดำเนินการตรวจสอบทั้งหมดและมีหลักฐานที่จะให้ทางตำรวจกองปราบได้รับรู้ด้วย …