ติดโควิดแล้วหายจะติดอีกไหม วัคซีนเข็มกระตุ้นป้องกันได้หรือไม่ อ่านเลย

03 เม.ย. 2565 | 20:11 น.

ติดโควิดแล้วหายจะติดอีกไหม วัคซีนเข็มกระตุ้นป้องกันได้หรือไม่ อ่านเลยที่นี่ หมอธีระวัฒน์วิเคราะห์การติดเชื้อโควิด และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในระยะยาว

ติดโควิดแล้วหายจะติดอีกไหม เป็นคำถามที่ได้รับความสนใจอย่างมากในสังคมออนไลน์ และต้องการคำตอบ  เนื่องจากในปัจจุบันประเทศไทยมีการระบาดของโควิด-19 (Covid-19) โดยเฉพาะสายพันธุ์โอมิครอน (Omicron) อย่างมาก

 

ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา (หมอธีระวัฒน์) ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว (ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha)โดยมีข้อความว่า

 

โควิด 2565

 

โควิดปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นสายหลัก สายย่อย หรือที่เกิดควบเป็นสายรวมไป

 

  • วัคซีนที่ฉีดไม่ว่าจะเป็น 3 เข็ม 4 ถึง 5 ก็ตาม จะป้องกันการติดเชื้อได้ไม่นานนักอยู่เพียงประมาณสองเดือน

 

  • คนที่เคยติดเชื้อมาก่อนในปีนี้ สามารถติดเชื้อได้ไหม่ แม้ว่าภูมิจากการติดเชื้อจะดีกว่าที่ได้จากวัคซีนก็ตาม ดังนั้น จะเริ่มเห็นว่าติดใหม่ได้ภายในหนึ่งหรือสองเดือนเป็นต้นไป
     
  • เมื่อได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นหรือมีการติดเชื้อไปแล้ว ห้ามทะนงตัวว่าจะป้องกันอาการหนักหรือตายได้ 100%

 

  • ทั้งนี้เนื่องจากไวรัสมีการปรับเปลี่ยนรหัสพันธุกรรมอย่างเก่ง และมีประสิทธิภาพมาก จนกระทั่งภูมิทั้งหลายที่มี จดจำไวรัสได้ แต่อาจไม่ทำอะไร และมิหนำซ้ำ ก่อให้เกิดอันตรายมากขึ้น โดยการสร้างการอักเสบอย่างรุนแรง แต่ไม่ได้เกิดทุกคน แต่เป็นที่จับตามองในหลายพื้นที่ตั้งประเทศที่ฉีดวัคซีนเต็มที่แล้วแต่อาการหนักและอัตราเสียชีวิตเป็นสัดส่วนที่มากเกินไปสำหรับโอไมครอน

 

  • โควิด 2565 นี้พิสูจน์แล้วว่าสามารถทำให้เกิดผลกระทบต่อเนื่อง (post acute sequelae) หลังจากที่ไม่สามารถตรวจหาเชื้อเจอได้จากการแยงจมูก ลำคอหรือน้ำลาย

 

ติดโควิดแล้วหายจะติดอีกไหม วัคซีนเข็มกระตุ้นป้องกันได้หรือไม่

 

  • ผลกระทบต่อเนื่องนี้ เห็นได้ตั้งแต่ระยะที่หายใหม่ๆ หรือผ่านไประยะหนึ่งและจึงเกิดขึ้นไป ต่อเนื่องเป็นเดือน (long covid)

 

  • ผลกระทบนี้เกิดขึ้นได้ตั้งแต่หัวจดเท้าและอวัยวะภายใน ทั้งผมร่วง ผื่นขึ้น ปวดข้อ กล้ามเนื้อ เหนื่อยล้า คิดช้า หดหู่ ซึมเศร้า ความจำสั้น สมาธิไม่มี หัวใจผิดปกติ การทำงานของไต ตับไม่ปกติรวมทั้งตับอ่อน เกิดเบาหวานปะทุ
  • ทั้งนี้เกิดจากการอักเสบที่เกิดขึ้น หมุน-วนในร่างกายรวมกระทั่งถึงในสมอง ซึ่งนอกจากทำให้สมองแปรปรวนยังทำให้เกิดการสั่งงานจากสมองลงมายังอวัยวะต่างๆผิดปกติ รวมถึงระบบประสาทอัตโนมัติ

 

  • ถ้าอาการรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆและไม่สงบเอง จำเป็นต้องตรวจพิสูจน์ว่ายังมีการอักเสบในระดับรุนแรงแต่การตรวจ hs CRP (High sensitivity CRP) อาจไม่เพียงพอ และต้องตรวจควบรวมถึงผลที่เกิดจากภูมิในระบบต่างๆที่เกิดการอักเสบและที่ต่อสู้กับการอักเสบพร้อมกัน (proinflammatory -antiinflammatory)

 

ทั้งหมดนี้ ทำให้ต้องยังคงมีการระวังตัว โดยเฉพาะเมื่อหยุดยาว ถ้ามีการรวมกลุ่ม พยายามอยู่ในสถานที่ ที่โปร่ง อากาศถ่ายเทสะดวกและยังคงใส่หน้ากากล้างมืออย่างเคร่งครัด เพื่อให้ ชีวิตเดินอยู่ได้และเศรษฐกิจไม่สะดุด