ติดโควิดควรกินยาอะไร แยกตามสี-อาการ วิธีใช้เป็นแบบไหน อ่านเลยที่นี่

24 มี.ค. 2565 | 11:54 น.

ติดโควิดควรกินยาอะไร แยกตามสี-อาการ วิธีใช้เป็นแบบไหน อ่านเลยที่นี่ ฐานเศรษฐกิจรวบรวมข้อมูลสำคัญในการบ่งชี้สรรพคุณ และข้อควรระวัง

ถ้าติดโควิดควรกินยาอะไร เป็นคำถามที่กำลังได้รับความสนใจจากประชาชน เนื่องจากในสถานการณ์ปัจจุบัน ประเทศไทยยังมีการแพร่เชื้อของโควิด-19 (Covid-19) โดยเฉพาะสายพันธุ์โอมิครอน (Omicron) เป็นจำนวนมาก

 

ทั้งนี้ "ฐานเศรษฐกิจ" ได้ดำเนินการสืบค้นข้อมูล เพื่อหาคำตอบพบว่า  

 

ยารักษาโควิด-19 ปัจจุบันยังไม่มียาต้านไวรัสที่จำเพาะกับเชื้อไวรัสโควิด-19 ยาที่ใช้รักษาจึงเป็นการนำยาที่ใช้รักษาโรคอื่น ที่มีหลักฐานทางการแพทย์ว่า มีประโยชน์กับการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 โดยยาที่ใช้ในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 จะแบ่งออกเป็น

 

ผู้ป่วยกลุ่มสีเขียว หรือผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการ หรือมีอาการเพียงเล็กน้อย

 

เมื่อเข้าสู่ระบบ Home Isolation หรือ Hospitel  จะได้รับยาเพื่อรักษาอาการเบื้องต้น ได้แก่

 

ฟ้าทะลายโจร โดยมีสรรพคุณ ได้แก่ 

 

  • ลดการอักเสบ ไข้ ไอ เจ็บคอ
  • ปรับภูมิคุ้มกัน
  • ยับยั้งการเพิ่มจำนวนไวรัส

 

ผลข้างเคียงของยาฟ้าทะลายโจร  อาจมีอาการเบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย แขนขาอ่อนแรง

วิธีรับประทานยาฟ้าทะลายโจร ได้แก่ 

 

  • วันละ 180 กรัมต่อวัน แบ่ง 3 มื้อ มื้อละ 60 มิลลิกรัม (จำนวนแคปซูลขึ้นอยู่กับแต่ละยี่ห้อ)

 

  • ทานติดต่อกันไม่เกิน 5 วัน หากอาการไม่ดีขึ้นควรพบแพทย์

 

ติดโควิดควรกินยาอะไร แยกตามสี-อาการ

 

 

ข้อควรรู้เกี่ยวกับยาฟ้าทะลายโจร

 

ไม่ควรกินร่วมกับยาต้านการแข็งตัวของเลือด ยาลดความดัน แอสไพริน โคลพิโดเกรล (ยาต้านเกล็ดเลือด) และยาวาร์ฟาริน

 

ห้ามใช้กับผู้ที่ตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร

 

หากแพ้ให้หยุดกินยาทันที หากทานไปประมาณ 3 วันอาการไม่ดีขึ้นควรพบแพทย์

 

หากซื้อยาฟ้าทะลายโจรทานเอง ควรพิจารณายี่ห้อที่ผ่าน อย.

 

ยาฟ้าทะลายโจร ไม่สามารถป้องกันไวรัสเข้าสู่เซลล์ได้ แต่ช่วยบรรเทาอาการที่ไม่รุนแรง ใช่ในผู้ที่มีความเสี่ยงต่ำต่อการเกิดโรครุนแรง เช่น คัดจมูก มีน้ำมูก ลดโอกาสที่โรคจะลุกลามลงปอด ดังนั้นจึงจำเป็นต้องฉีดวัคซีน และปฎิบัติตัวตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขเพื่อป้องกันการติดเชื้ออย่างเคร่งครัด
 

ผู้ป่วยกลุ่มสีเหลือง คือกลุ่มที่เริ่มมีความเสี่ยงของโรครุนแรง จะได้รับยาฟาวิพิราเวียร์ (Favipiravir)  มีทั้งรูปแบบที่เป็นเม็ดและเป็นน้ำ 

 

ต้องเรียนว่าไม่ได้จ่ายยาฟาวิพิราเวียร์สำหรับผู้ป่วยโควิด-19 ทุกคน จะจ่ายให้สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการ ซึ่งขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ เป็นยาที่ต้องกินภายใต้การควบคุมของแพทย์เท่านั้น

 

กลุ่มผู้ป่วยที่จะได้รับยาฟาวิพิราเวียร์

 

  • ผู้ป่วยกลุ่มสีเหลือง ที่เริ่มมีอาการของโรค เช่น ไข้สูง
  • ผู้ป่วยที่มีอาการโรคร่วม  หรือ กลุ่ม 7 โรคเรื้อรัง เช่น ความดัน เบาหวาน โรคอ้วน โรคไต โรคหัวใจ-ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือตามดุลยพินิจของแพทย์
  • ผู้ที่เริ่มมีภาวะปอดอักเสบ
  • ไม่แนะนำให้ใช้กับผู้ที่ยังไม่มีอาการ หรือใช้เพื่อป้องกันโรค

 

สรรพคุณของยาฟาวิพิราเวียร์ คือ

 

ขึ้นทะเบียนเป็นยาสำหรับรักษาไข้หวัดใหญ่ แต่เป็นยาที่ออกฤทธิ์กว้าง จึงใช้ได้กับโรคติดต่ออื่น ๆ

 

ขัดขวางการสร้าง RNA ของไวรัสชนิดต่าง ๆ ยับยั้งการเพิ่มจำนวนของไวรัส
ทำให้เชื้อไวรัสกลายพันธุ์จนภูมิต้านทานของร่างกาย สามารถเข้าไปกำจัดไวรัสได้หมด

ผลข้างเคียงของยาฟาวิพิราเวียร์ ใช้กรณีมีข้อบ่งชี้เท่านั้น

อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย

 

ตา เล็บหรือผิวหนังเปลี่ยนสี เป็นสีม่วงอมน้ำเงิน และพบตาเรืองแสงได้ในผู้ป่วยบางราย เนื่องจากเป็นยาที่มีคุณสมบัตรเรืองแสง แต่ไม่เป็นอันตราย และไม่กระทบต่อการมองเห็น อาการนี้จะสามารถหายได้เอง เมื่อหยุดยาประมาณ 14 วัน

 

ตับทำงานหนัก ส่งผลให้ตับอักเสบได้

 

การใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ในหญิงตั้งครรภ์ อาจเสี่ยงเกิดผลกระทบต่อทารกในครรภ์

 

หากใช้เกินความจำเป็น อาจส่งผลให้เกิดการดื้อยาของเชื้อไวรัส และทำให้ประสิทธิภาพของยาลดลง

 

วิธีรับประทานยาฟาวิพิราเวียร์นั้น จะขึ้นกับดุลยพินิจของแพทย์ ใช้ตามแพทย์สั่งเท่านั้น

 

ขนาดยาที่ใช้สำหรับผู้ใหญ่

 

  • ทานครั้งละ 9 เม็ด ทุก ๆ 12 ชั่วโมงในวันแรก
  • วันต่อมาลดเหลือครั้งละ 4 เม็ด ทุก ๆ 12 ชั่วโมง
  • ขนาดยาสำหรับผู้ที่มีน้ำหนักมากกว่า 90 กิโลกรัม
  • ทานครั้งละ 12 เม็ด ทุก ๆ 12 ชั่วโมงในวันแรก
  • วันต่อมาลดเหลือครั้งละ 5 เม็ด ทุก ๆ 12 ชั่วโมง

 

ขนาดยาสำหรับผู้ป่วยเด็ก

 

ต้องมีการคำนวณขนาดยาตามน้ำหนักตัว  โดยผู้ป่วยจะต้องรับประทานยาตามวันและเวลาที่กำหนดอย่างเคร่งครัด ทานติดต่อกัน 5-10 วัน ขึ้นอยู่กับอาการของโรค และดุลยพินิจของแพทย์

 

ยาฟาวิพิราเวียร์แบบน้ำ สำหรับเด็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่กลืนยายาก

 

ข้อควรรู้เกี่ยวกับยาฟาวิพิราเวียร์

 

  • ผู้ที่มีภาวะซีด เป็นโรคไต โรคตับ อาจพบปัญหาเมื่อกินยาฟาวิพิราเวียร์
  • การใช้ยาขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์
  • ห้ามซื้อผ่านออนไลน์

 
 

ผู้ป่วยกลุ่มสีแดง

 

ผู้ป่วยจะได้รับยาเรมเดซิเวียร์ (Remdesivir) ซึ่งเป็นยาที่ใช้กันมากในต่างประเทศได้แก่ สหรัฐอเมริกา และอินเดีย เป็นยาฉีด

 

กลุ่มผู้ป่วยที่จะได้รับยาเรมเดซิเวียร์

  • ผู้ป่วยกลุ่มสีแดง​ ที่มีอาการหนัก ไม่รู้สึกตัว กินยาไม่ได้
  • ผู้ที่มีระบบดูดซึมไม่ดี
  • ผู้ที่ใช้ยาฟาวิพิราเวียร์แล้วร่างกายไม่ตอบสนอง
  • หญิงตั้งครรภ์

 

สรรพคุณของยาเรมเดซิเวียร์

 

เป็นยาที่มีฤทธิ์ต้านไวรัสได้อย่างกว้างขวางเหมือนกับยาฟาวิพิราเวียร์ -มีประสิทธิภาพดีต่ออาร์เอนเอ RNA ไวรัสหลายชนิดรวมถึงไวรัสก่อโรคอีโบลาและโคโรนาไวรัสชนิดต่าง ๆ ในกรณีของโคโรนาไวรัสนั้น ผลการศึกษาในหลอดทดลองพบว่ายาเรมเดซิเวียร์มีฤทธิ์ยับยั้งไวรัสโรคซาร์ส (SARS-CoV), ไวรัสโรคเมอร์ส (MERS-CoV) และไวรัสโควิด-19 (SARS-CoV-2)
ยับยั้งการเพิ่มจำนวนไวรัส

 

นอกจากนี้ยายังทำให้เกิดการสร้างสารพันธุกรรมอาร์เอนเอของไวรัสที่ผิดปกติและทำให้ไวรัสตาย คาดว่ายานี้มีกลไกการออกฤทธิ์อย่างอื่นอีกรวมถึงอาจออกฤทธิ์ในขั้นตอนยับยั้งไวรัสไม่ให้เข้าสู่เซลล์ในร่างกายคน

 

ผลข้างเคียงของยาเรมเดซิเวียร์

  • อาจทำให้ตับทำงานหนัก จนเกิดภาวะตับอักเสบ
  • ส่งผลให้ความดันเลือดต่ำ
  • คลื่นไส้ อาเจียน
  • เหงื่อออก

 

วิธีใช้ยาเรมเดซิเวียร์ (ยาฉีด)

 

  • วันแรก ปริมาณฉีด 5 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว ผ่านหลอดเลือดดำ
  • วันต่อมา ปริมาณฉีด 2.5 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว ผ่านหลอดเลือดดำ
  • ใช้ตามแพทย์สั่งเท่านั้น


ข้อควรรู้เกี่ยวกับยาเรเดมซิเวียร์

 

  • ให้เลือกใช้ฟาวิพิราเวียร์หรือเรมเดซิเวียร์ อย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่ใช้ร่วมกัน เนื่องจากเป็นยาที่มีกลไลออกฤทธิ์เหมือนกัน
  • ระวังการใช้ในผู้ป่วยที่มีการทำงานของตับและไตบกพร่อง
  • เป็นยาที่ใช้ในสถานพยาบาลเท่านั้น

 

ขณะที่ยาชนิดอื่นที่แพทย์ใช้ในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการหนัก

 

คอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids)
เป็นยาลดอาการอักเสบในกลุ่มสเตียรอยด์ องค์การอนามัยโลก หรือ WHO ประกาศข้อแนะนำให้ใช้ร่วมกับยากดภูมิคุ้มกัน เพื่อลดความเสี่ยงในการเสียชีวิต กรมการแพทย์กำหนดแนวทางในการใช้ยาคอร์ติโคสตียรอยด์ ในกลุ่มผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการรุนแรง โดยอาจใช้ร่วมกับยาฟาวิพิราเวียร์,ยาโลพินาเวียร์และริโทนาเวียร์

 

โลพินาเวียร์และริโทนาเวียร์ (Lopinavir / Ritonavir)
เป็นยาต้านไวรัส HIV สูตรผสม ระหว่างโลพินาเวียร์และริโทนาเวียร์ กรมการแพทย์กำหนดแนวทางการให้ยา 2 ตัวนี้ ร่วมกับยาฟาวิพิราเวียร์ สำหรับผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการปอดอักเสบรุนแรง

ที่มา : โรงพยาบาลวิชัยเวช อินเตอร์แนชั่นแนล หนองแขม