ปรับค่าไฟ สภาองค์กรของผู้บริโภค จี้ “สุพัฒนพงษ์” เร่งแก้ปัญหา

21 มี.ค. 2565 | 05:59 น.

ปรับค่าไฟ สภาองค์กรของผู้บริโภค จี้ “สุพัฒนพงษ์” เร่งแก้ปัญหา จี้หนุนประชาชนพึ่งตนเอง ขยายเวลารับซื้อ 10 ปีเป็น 25 ปี

เกาะติดประเด็น “ปรับค่าไฟฟ้า” หลังจากที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ กกพ. มีมติปรับขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ หรือ ค่า Ft จากเดิม 1.39 สตางค์ต่อหน่วย  เป็น 24.77 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งจะปรับราคาเรียกเก็บในงวดเดือน พฤษภาคม-สิงหาคม 2565  โดยอ้างผลกระทบความขัดแย้ง "รัสเซีย-ยูเครน" ทำให้ราคาพลังงานโลกเพิ่มสูงขึ้น

ล่าสุด สภาองค์กรของผู้บริโภคยื่นหนังสือคัดค้านกับการปรับราคาไฟฟ้า โดยระบุว่า  กกพ. ได้ปรับค่า Ftเพิ่มขึ้น จะทำให้ไปรวมกับค่าไฟฟ้าฐานปรับราคาสูงขึ้นเป็น 4 บาทต่อหน่วย จากเดิม 3.76 บาทต่อหน่วย  ส่งผลให้ผู้บริโภค หรือประชาชนต้องรับภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้น จึงยื่นหนังสือต่อกระทรวงพลังงานพร้อมข้อเสาอแนวทางการแก้ไขปัญหาราคาไฟฟ้า ที่มองว่าค่าไฟฟ้าสูงขึ้นไม่ใช่จากภาวะสงครามหรือราคาก๊าซธรรมบาติขยับสูงขึ้น แต่มีปัจจัยอื่น เช่น  การวางแผนการผลิตไฟฟ้าที่ขาดการคำนึง จนมีพลังงานไฟฟ้าเกินความจำเป็น 

ปรับค่าไฟ สภาองค์กรของผู้บริโภค จี้ “สุพัฒนพงษ์” เร่งแก้ปัญหา

ปัจจุบัน ประเทศไทยมีกำลังผลิตไฟฟ้าทั้งปี 46,136.4 เมกะวัตต์ ขณะที่มียอดการใช้ไฟฟ้าสูงสุดปีละ ประมาณ 30,000 เมกะวัตต์ (อ้างอิงปี 2562-2564)  ซึ่งทำให้มีไฟฟ้าล้นความต้องการ ปีละ 10,000เมกะวัตต์ คิดเป็น มีกำลังผลิตสพรองสูงถึง 50% ทั้งที่ตามหลักการจะต้องมีกำลังผลิตสำรองไฟฟ้า 15%เท่านั้น   จากปริมาณไฟฟ้าผลิตสำรองที่มากถึง50% ส่งผลให้ต้องรัฐต้องจ่ายค่าความพร้อมจ่ายไฟฟ้า  หรือค่า  ปีละ 49,000 ล้านบาทต่อปี ให้กับเอกชนเจ้าของโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ 

 

นอกจากนี้ ประชาชน ต้องแบกรับภาระ จากที่รัฐรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าขนาดเล็กในราคาสูงถึง 4 บาทต่อหน่วย แต่ละปี มีปริมาณการซื้อไฟฟ้ามากถึง 18,014 ล้านหน่วย เป็นเงินกว่า 73,261 ล้านบาท ซึ่งสิ้นเปลือง และเป็นราคาที่แพง

 

อีกทั้งที่ผ่านมาประชาชนต้องรับภาระค่าสถานีบริการและค่าผ่านท่อ จากไฟฟ้าที่ผลิตจากก๊าซธรรมชาติ โดยใช้ราคา Pool ก๊าซ ตามหลักแล้วก๊าซธรรมชาติได้จากอ่าวไทย  ตามข้อเท็จจริงไม่ควรคิดรวมกัน สภาองค์กรของผู้บริโภค จึงมีข้อเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เพื่อให้ดำเนินการ อาทิ

  • ให้ดำเนินการสนับสนุนการพึ่งตนเองด้านพลังงานไฟฟ้าของประชาชนอย่างเต็มที่ ด้วยการส่งเสริมให้ประชาชนผลิตไฟฟ้าด้วยระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคาตามโครงการโซลาร์ภาคประชาชนให้เพิ่มขึ้น เพื่อลดภาระค่าไฟฟ้าและเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน ให้เปลี่ยนเป็นระบบการคิดค่าไฟฟ้าแบบหักลบกลบหน่วย

ปรับค่าไฟ สภาองค์กรของผู้บริโภค จี้ “สุพัฒนพงษ์” เร่งแก้ปัญหา

  • ให้ขยายเวลาการับซื้อไฟฟ้าของโซลาร์ภาคประชาชน จากเดิมที่กำหนดไว้ที่ 10ปี เป็น 20-25ปี หรือตามอายุการใช้งานของแผงโซลาร์เซลล์
  • ให้จัดหาแหล่งทุนกู้ยืมดอกเบี้ยร้อยละหนึ่งต่อปี เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการติดตั้งระบโซลาร์เซลล์ได้อย่างแท้จริง
  • ขอให้ยับยั้งและทบทวนการคิดค่า Ft ใหม่โดยด่วน ลดการรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าเอกชนขนาดเล็กที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง ทำให้มีค่าซื้อไฟฟ้าสูงถึง 4 บาทต่อหน่วย ให้มีสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าเท่ากับการผลิตของโรงไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้าลงได้ประมาณ 8,860 ล้านบาทต่อปี
  • ปรับลดเงินประกันกำไรของโรงไฟฟ้าเอกชนขนาดเล็กที่ใช้ก๊าซธรรมชาติให้อยู่ที่ 1.75% ให้ใกล้เคียงกับเงินประกำไรของโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่
  • ควรมีการกำหนดเพดานราคาก๊าซธรรมชาติในสูตรการคำนวณค่าผ่านท่อไว้ที่ 200 บาทต่อล้านบีทียู และกำหนดและค่าประสิทธิภาพที่ 2% ต่อปี เพื่อลดภาระค่าไฟฟ้าของผู้ใช้ไฟฟ้าได้ถึง 587 ล้านบาทต่อปี
  • ขอให้ปรับโครงสร้าง ราคา Pool Gas ใหม่ โดยนำปริมาณก๊าซธรรมชาติที่เข้าสู่โรงแยกก๊าซธรรมชาติและถูกนำไปใช้ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีมารวมอยู่ในราคา Pool Gas ด้วย 
  • ให้ชะลอการรับซื้อไฟฟ้าจากโรงฟ้าเอกชนขนาดใหญ่ทั้งในและต่างประเทศที่ก่อสร้างขึ้นใหม่ออกไป และการดำเนินการเพื่อการได้มาซึ่งพลังงานไฟฟ้าทั้งในและนอกประเทศจะต้องคำนึงถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และผลกระทบต่อชุมชนใกล้เคียงด้วย
  • การดำเนินนโยบายด้านพลังงานและการกำกับกิจการพลังงานของประเทศ ขอให้ตระหนักถึงความมีธรรมาภิบาลอย่างสูงสุด และต้องไม่ให้มีปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนในการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง