โควิดวันนี้รวมatk ติดเชื้อยังสูง 37,780 ราย ปอดอักเสบเพิ่มขึ้น 17.85%

14 มี.ค. 2565 | 01:49 น.

โควิดวันนี้รวมatk ติดเชื้อยังสูง 37,780 ราย ปอดอักเสบเพิ่มขึ้น 17.85% หมอธีระเผยปอดอักเสบเพิ่มขึ้น 17.85% ใส่ท่อช่วยหายใจเพิ่ม 20.8%

โควิดวันนี้รวมatk ยังคงมีตัวเลขผู้ติดเชื้อที่อยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง โดยเฉพาะการแพร่ระบาดของสายพันธุ์โอมิครอน (Omicron) โดยเป็นประเด็นที่ประชาชนให้ความสนใจ และติดตาม 

 

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ (หมอธีระ) คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Thira Woratanarat (ป๊ามี้คีน)" โดยมีข้อความว่า 

 

  • 22,130

 

  • ATK 15,650

 

  • รวม 37,780

 

หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป ปอดอักเสบเพิ่มขึ้นจาก 1148 คน เป็น 1,353 คน เพิ่มขึ้น 17.85%

 

ใส่ท่อช่วยหายใจเพิ่มจาก 375 คน เป็น 453 คน เพิ่มขึ้น 20.8%โควิด-19 (Covid-19) 

หมอธีระ ยังโพสต์ด้วยว่า 

 

วันนี้มีคำถามจากหลายคนหลายแหล่ง

 

ทำให้ต้องลองนั่งประเมินโดยคร่าวเท่าที่มีข้อมูล

 

หากไม่ผลีผลามด้วยกิเลส...เราคงใช้เวลาราว 53 วัน นับจาก 10 มีนาคม จนถึง

baseline ซึ่งจะสูงกว่าระดับฐานของระลอกสาม นั่นคือราวต้นพฤษภาคม

 

โควิดวันนี้รวมatk ติดเชื้อยังสูง  37,780 ราย

 

ถามว่า baseline จะประมาณเท่าใด ยากที่จะประเมิน เพราะมี heterogeneity ของลักษณะประเทศต่างๆ ทั่วโลก

 

แต่ที่เห็นแน่ๆ คือ หากปั่นกันด้วยกิเลสจนละเลยการป้องกันตัว และไม่มีนโยบายหรือมาตรการรณรงค์ให้ระมัดระวัง ก็จะปะทุรุนแรงขึ้นได้ในเวลาไม่นาน ดังที่เห็นในทวีปยุโรปตอนนี้

 

คาดว่าด้วยลักษณะนโยบายมาตรการที่เห็นแพลมออกมาตีฆ้องร้องป่าวว่าจะตีตราโควิดเป็นโรคประจำถิ่นในอีกไม่กี่เดือน

 

มีความเป็นไปได้ว่าระดับของ"จำนวนติดเชื้อใหม่ต่อวันรวม ATK" อาจอยู่ราว 18,120-20,708 คน ก่อนจะปะทุรุนแรงขึ้นตามที่เห็นในยุโรป 

ทั้งนี้เราคงทราบกันดีว่าการตรวจ RT-PCR ของเราเป็นเช่นไร และ ATK นั้นรวบรวมข้อมูลดีเพียงไร ดังนั้นถ้าคาดเดาเลขกลมๆ เฉพาะจำนวนที่ตรวจยืนยัน อาจราว 9,000-10,000 คน ที่น่าจะมีโอกาสปะทุขึ้นตามยุโรปได้ ถ้าไม่ป้องกันให้ดี

 

ช่วงเวลา...คงต้องจับตาดูราวสัปดาห์ที่ 4 ของเดือนเมษายน 

 

สิ่งที่เราทำได้คือ ช่วงวันหยุดเทศกาล รวมถึงช่วงวันสงกรานต์ ควรมีความเคร่งครัด ป้องกันตัวให้ดี เพื่อที่จะได้ลดความเสี่ยงในการปะทุ

 

ด้วยความรู้ทางการแพทย์เรื่อง Long COVID จนถึงตอนนี้ บอกด้วยความหวังดีว่า "ไม่ติดย่อมดีที่สุด"

 


เพราะผลกระทบระยะยาวนั้นไม่น่าพิสมัยเอาเสียเลย

 

จะเป็นเช่นไร...คงต้องช่วยกันติดตามดู