'อนุทิน'ลงนามแล้ว ปรับโควิดเป็นโรครักษาฟรีตามสิทธิ์ เริ่ม 1 มี.ค.

21 ก.พ. 2565 | 06:24 น.

'อนุทิน'เผยวันนี้ (21 ก.พ.) ได้มีการลงนามปรับโควิด-19 เป็นโรครักษาฟรีตามสิทธิ์แล้ว เริ่มมีผล 1 มี.ค.เป็นต้นไป พร้อมสั่งเพิ่มคู่สาย 1330 จัดยาฟ้าทะลายโจรเพิ่ม 10 ล้านเม็ดแจกในชุดส่งดูแลผู้ติดเชื้อที่กักตัวอยู่ที่บ้าน (HI) ย้ำคนที่ไม่พร้อม HI ก็ยังมีระบบ CI รองรับ

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข เปิดเผยที่ กระทรวงสาธารณสุข วันนี้ (21 ก.พ.) ว่าได้ลงนามในประกาศ ปรับการดูแลโรคโควิด-19 จาก โรคฉุกเฉิน (UCEP) มาเป็น โรคที่ให้การรักษาฟรีตามสิทธิ์ โดยลงนามเมื่อวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา และ จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มี.ค.นี้เป็นต้นไป

 

นายอนุทินย้ำว่า เป็นการรักษาฟรี โดยกรณีที่เป็นผู้ป่วยไม่มีอาการหรืออาการน้อยให้รักษาตัวที่บ้าน (Home Isolation : HI) แต่หากไม่สะดวกที่จะดูแลตัวเองที่บ้าน ก็เข้าสู่ระบบการดูแลในชุมชน (Community Isolation : CI) ได้

อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข

ส่วนผู้มีอาการเข้าข่ายสีเหลือง-สีแดงนั้น ก็เข้าสู่การรักษาฟรีในโรงพยาบาล ทั้งนี้ ตนได้สั่งการไปยังเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เพื่อให้มีการเพิ่มคู่สาย 1330 แล้ว

นอกจากนี้ ทางกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกได้เข้ามาหารือเพื่อขอให้กระทรวงจัดหายาฟ้าทะลายโจรเพิ่มเติมประมาณ 10 ล้านเม็ด เพื่อใช้สำหรับดูแลผู้ติดเชื้อโควิดที่ไม่มีอาการ เพราะหากให้ใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ จะเป็นการให้ยาที่เกินขนานไป โดยยาฟ้าทะลายโจรจะบรรจุอยู่ในชุดดูแลผู้ป่วย HI ทั้งนี้ เป็นไปตามดุลพินิจของแพทย์

นายอนุทิน ยังกล่าวด้วยว่า กรณีที่ผู้ป่วยรักษาตัวที่บ้านนั้น หากไม่สะดวกที่จะอยู่บ้าน เพราะอาจมีสมาชิกร่วมบ้านอยู่หลายคน ก็สามารถเข้ามารับการดูแลที่ศูนย์ชุมชนได้ ขอเพียงให้ประสานมา อย่างในกทม.ทางกทม.ก็ได้ยืนยันแล้วว่า มีการเปิดศูนย์ชุมชนเอาไว้รองรับแล้ว

 

คำถามที่ว่า ในระยะแรกหลังวันที่ 1 มี.ค. หากมีประชาชนหลงสิทธิ์ไปรักษาในโรงพยาบาลที่ไม่ได้อยู่ในสิทธิ์จะรองรับอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่าได้มีการประชาสัมพันธ์เรื่องนี้มาระยะหนึ่งแล้ว ก็จะประชาสัมพันธ์ให้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม การรักษาในโรงพยาบาลคือคนที่มีอาการเหลือง-แดง ซึ่งถือเป็นอาการฉุกเฉิน แต่หากไม่ฉุกเฉินแล้วเลือก หรือประสงค์จะไปที่โรงพยาบาลเอกชน กรณีอย่างนี้ประชาชนต้องเสียค่าใช้จ่ายเอง

 

สำหรับตัวเลขผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นนั้น ตนได้สอบถามปลัดสธ.ทุกวัน ขณะนี้ระบบสาธารณสุขยังสามารถรองรับได้ ส่วนจะประกาศยกระดับเตือนภัยเป็นระดับ 5 หรือไม่นั้น อยู่ที่ปลัดสธ. แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ยกระดับเป็นระดับ 5 แต่อย่างใด

ส่วนมาตรการควบคุมโรคต่างๆ ในระดับพื้นที่เป็นอำนาจของพื้นที่ ขณะนี้เรื่องการปรับลดการตรวจหาเชื้อด้วย PCR ในกลุ่มผู้เดินทางเข้าประเทศผ่านระบบ Test & Go เหลือเพียง 1 ครั้งนั้น อยู่ระหว่างการหารือ รวมถึงการหารือเรื่องจะทำระบบบประกันสุขภาพมีความครอบคลุมได้อย่างไร