เปิดข้อมูลล่าสุด ‘โอมิครอน"จบเกมโควิด-19 ใกล้กลายเป็นโรคประจำถิ่น

17 ม.ค. 2565 | 23:58 น.

ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ฯ รพ.รามาธิบดีเปิดข้อมูลผู้ติดเชื้อรายใหม่และผู้เสียชีวิตทั่วโลกทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย ระบุ ‘โอมิครอน’แทนที่‘เดลต้า’ โอกาสที่จะจบเกมโควิด-19 ใกล้เวลากลายเป็นโรคประจำถิ่น เหมือนไข้หวัดใหญ่ ตามฤดูกาล

ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ โรงพยาบาลรามาธิบดี โพสต์ข้อความและภาพผ่านเพจเฟซบุ๊ก ที่ระบุถึงความเป็นไปได้ที่โรคโควิด-19 จะจบเกม กลายเป็นโรคประจำถิ่น โดยมีเนื้อหาดังต่อไปนี้

 

"เริ่มได้เห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์กันแล้ว (ปรับปรุง 17/1/2565 เวลา 16.30 น.)

 

"คำเตือน" : คอนเทนต์ต่อไปนี้เป็นการคาดคะเนอาศัยข้อมูลทางวิทยาศาสตร์จาก 3 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามโรคโควิด-19 ยังถือว่าเป็นโรคติดต่ออุบัติใหม่ ที่เรายังไม่เข้าใจธรรมชาติของการเกิดโรคอย่างถ่องแท้ การคาดคะเนถึงเหตุการณ์ในอนาคตของโรคนี้อาจมีความคลาดเคลื่อนได้ ดังนั้นต้องไม่ประมาท การ์ดหรือมาตรการต่างๆ ที่เราร่วมปฏิบัติกันมาอย่างเข้มข้นต้องไม่ลดหย่อน

 

ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ฯ ตรวจสายพันธุ์ไวรัสโคโรนา 2019 จาก รพ.รัฐ และเอกชน ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ระหว่างวันที่ 3-16 ม.ค. 2565 พบ

 

โอมิครอน 97.1% (69/71)

 

เดลตา 2.8% (2/71)

 

ตัวอย่างสุ่มตรวจจากเรือนจำ

 

เดลตา 100% (30/30)

 

อันหมายถึงในกรุงเทพฯ หากไม่นับในเรือนจำ "โอมิครอน" น่าจะเข้ามาแทนที่ "เดลตา" เกือบหมดแล้ว

 

"Twindemic" หรือการติดเชื้อสองสายพันธุ์ ระหว่าง "โอมิครอน" และ "เดลตา" ไปพร้อมกันในระยะเวลาสั้นๆ ได้จบลงแล้ว ไม่นาน "โอมิครอน" คงจะกระจายไปทั่วประเทศ ไม่ช้าคงเป็นตามที่ ดร.แอนโธนี เฟาซี ผู้อำนวยการสถาบันโรคติดต่อและภูมิแพ้แห่งชาติของสหรัฐ ซึ่งเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคนสำคัญในคณะทำงานเพื่อต่อสู้กับการแพร่ระบาดใหญ่ของไวรัสโควิด-19 ของรัฐบาลสหรัฐ ได้เตือนว่า "ในที่สุดแทบทุกคนจะติดเชื้อไวรัสโอมิครอน” จากนั้นทั้งภูมิคุ้มกันจากวัคซีนและจากการติดเชื้อตามธรรมชาติจะพุ่งขึ้นสูง ลดความรุนแรงของโรคโควิด-19 และลดอัตราการเสียชีวิตลงอย่างรวดเร็ว เห็นปรากฏการณ์นี้ได้อย่างชัดเจนจากข้อมูลผู้ติดเชื้อรายใหม่และผู้เสียชีวิตทั่วโลกจาก "โอมิครอน"

 

เปิดข้อมูลล่าสุด ‘โอมิครอน"จบเกมโควิด-19 ใกล้กลายเป็นโรคประจำถิ่น

  • ผู้ติดเชื้อรายใหม่ในแอฟริกาใต้ลดลงจนเข้าสู่สภาวะปกติ ในขณะที่ผู้เสียชีวิตไม่มาก มีประชากรติดเชื้อไวรัสจากธรรมชาติเป็นจำนวนมาก

 

  • ผู้ติดเชื้อรายใหม่ในอังกฤษเริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ผู้เสียชีวิตไม่มาก อังกฤษใช้วัคซีนไวรัสเป็นพาหะ และเข็มกระตุ้นเป็นวัคซีนสารพันธุกรรม (mRNA)

 

  • ผู้ติดเชื้อรายใหม่ในอเมริกา ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าใกล้ถึงจุดสูงสุดใน 1-2 อาทิตย์ข้างหน้า ในขณะที่ผู้เสียชีวิตไม่มาก อเมริกาใช้วัคซีน mRNA เป็นวัคซีนนำสองเข็มแรก และใช้เป็นเข็มกระตุ้นด้วย

 

ประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดกับประเทศไทย รวมทั้งอิหร่านที่มีการติดเชื้อจากธรรมชาติในอัตราสูงนำมาก่อน ก่อนจะมารับวัคซีนเชื้อตาย และสลับมารับวัคซีนที่ใช้ไวรัสเป็นพาหะ และ/หรือ วัคซีน mRNA เป็นเข็มกระตุ้น พบว่าได้ผลดีมาก มีผู้ติดเชื้อรายใหม่จากโอมิครอนและผู้เสียชีวิตต่ำ
ประเทศไทยมีการติดเชื้อจากธรรมชาติไม่มาก ได้รับวัคซีนเชื้อตาย และสลับมารับวัคซีนที่ใช้ไวรัสเป็นพาหะ และ/หรือ วัคซีน mRNA เป็นเข็มกระตุ้น ได้ผลดีเช่นกัน แม้จะเห็นผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นจากโอมิครอน แต่ผู้เสียชีวิตลดต่ำลงอย่างต่อเนื่อง

 

เปิดข้อมูลล่าสุด ‘โอมิครอน"จบเกมโควิด-19 ใกล้กลายเป็นโรคประจำถิ่น

 

และหากเป็นเช่นนี้ต่อไป ไวรัสโคโรนา 2019 คงจะจบเกม (End game) กลายเป็นโรคประจำถิ่น (Endemic) เหมือนไข้หวัดใหญ่ ซึ่งมาตามฤดูกาล โดยมีผู้เสียชีวิตประมาณร้อยละ 0.1

 

เงื่อนไขสำคัญที่จะเร่งให้โควิด-19 กลายเป็นโรคประจำถิ่นได้ภายในปีนี้ คือ การฉีดวัคซีนให้กับประชากรในทุกประเทศทั่วโลก โดยองค์การอนามัยโลกเรียกร้องให้ผู้นำโลกช่วยบรรดาประเทศที่กำลังพัฒนาดำเนินการฉีดวัคซีนอย่างน้อยร้อยละ 70 ของประชากรโลก เพื่อทั้งป้องกันหรือชะลอการป่วยหนัก และเสียชีวิต มิให้เกิดกับประชาชนหมู่มากพร้อมๆ กัน อันจะทำให้ระบบสาธารณสุขของประเทศเหล่านั้นล่มสลาย รวมถึงเป็นการป้องกันการเกิดไวรัสกลายพันธุ์อย่างในกรณีของสายพันธุ์ “อัลฟา” "เบตา" และ "โอมิครอน" หรือสายพันธุ์อื่นที่อาจอุบัติขึ้นในอนาคต จากกลุ่มประชากรที่ไม่ได้รับวัคซีน"

 

เปิดข้อมูลล่าสุด ‘โอมิครอน"จบเกมโควิด-19 ใกล้กลายเป็นโรคประจำถิ่น