จับตา 7 ม.ค. ศบค.ชุดใหญ่ ถกเคาะปรับพื้นที่สี-มาตรการคุมโควิด

05 ม.ค. 2565 | 06:30 น.

จับตาที่ประชุมศบค.ชุดใหญ่วันศุกร์ที่ 7 ม.ค.นี้ ถก 3 ประเด็นสำคัญ ปรับพื้นที่สี มาตรการคุมโควิด-19 และปรับมาตรการ Test&Go

วันนี้ 5 มกราคม 2565 เวลา 12.30 น. ณ ทำเนียบรัฐบาล พญ.สุมนี วัชรสินธุ์ ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ กรมควบคุมโรค ในฐานะผู้ช่วยรองโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค.  แถลงช่วงหนึ่งว่า ที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) วันนี้ได้มีการประชุมประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 หลังจากผ่านพ้นเทศกาลปีใหม่ เพื่อเตรียมเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ชุดใหญ่ ในวันศุกร์ที่ 7 มกราคมนี้ โดยมีวาระน่าสนใจ ได้แก่

เรื่องแรกจะมีการปรับพื้นที่สีตามสถานการณ์ สำคัญในเรื่องการจำกัดจำนวนคน  การรวมกลุ่มในการทำกิจกรรม รวมไปถึงการดื่มสุราในร้านอาหาร

 

เรื่องที่สอง การปรับมาตรการป้องกันยควบคุมโรค เรื่องนี้สำคัญมาก จากเดิมที่มีแนวโน้มจะพิจารณาเปิดสถานบันเทิงหรือไม่ แต่ในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา จะเห็นว่า มีผู้ติดเชื้อจำนวนมากในคลัสเตอร์ร้านอาหารที่เป็นกึ่งผับบาร์ ข้อมูลนี้จะเป็นตัวตัดสินใจที่สำคัญว่าจะเปิดสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ ได้หรือไม่

 

เรื่องที่สาม จะมีการปรับมาตรการผู้ที่เดินทางเข้ามาในประเทศแบบ Test&Go ที่เราได้ชะลออกไป

"จะมีการพูดคุยกันใน 3 ประเด็นที่สำคัญ และเรื่องอื่นๆมาตรการเพิ่มเติมสำหรับจัดการกับสายพันธุ์โอมิครอนเพิ่มเติม ขอให้ประชาชนละผู้ประกอบการติดตามอย่างใกล้ชิด" พญ.สุมนี กล่าว

 

พญ.สุมนี กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ประชุม ศบค.ชุดเล็ก สั่งการให้ทุกจังหวัด โดยคณะกรรมการโรคติดต่อระดับจังหวัด เตรียมความพร้อมรองรับเคสที่จะเพิ่มขึ้น ด้วยการเตรียมการรักษาที่บ้าน (Home Isolation) การรักษาในชุมชน (Community Isolation) และการเตรียมความพร้อมทางด้านทรัพยากร กรณีมีผู้ป่วยหนักที่ต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาล ส่วนคนที่เสี่ยงติดเชื้อให้รีบตรวจหาเชื้อทันที

 

วันนี้(5 ม.ค.65) นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19  หลังจากหน่วยงานรัฐ รัฐวิสาหกิจ กิจการ ภาคธุรกิจ เอกชนกลับมาเปิดดำเนินปกติ เพื่อเตรียมแนวทางการป้องกันและรักษาผู้ติดเชื้อจากคลัสเตอร์ต่าง ๆ ให้ทันสถานการณ์ พร้อมนำเข้าพิจารณาเพื่อปรับมาตรการในที่ประชุม ศบค. 7 ม.ค. นี้
 

 
รัฐบาลจะทำการประเมินสถานการณ์การติดเชื้อระลอกหลังปีใหม่เป็นเวลาประมาณ 4 สัปดาห์ โดย 2 สัปดาห์แรกจะประเมินสถานการณ์จำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อ ส่วน 2 สัปดาห์หลังจะประเมินผู้ป่วยอาการหนักและอัตราการเสียชีวิต ก่อนตัดสินใจปรับมาตรการต่าง ๆ ขอความร่วมมือประชาชน สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยฉีดวัคซีน โดยเฉพาะประชาชนกลุ่มเสี่ยง ทั้งผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง สตรีมีครรภ์ ติดต่อขอรับการฉีดวัคซีนโดยเร็วที่สุด หรือหากเคยฉีดแล้วก็ควรติดต่อขอฉีดเข็มกระตุ้น เนื่องจากวัคซีนเข็มกระตุ้นจะช่วยเพิ่มภูมิต้านทานต่อเชื้อโควิด-19 สามารถลดการป่วยหนักและอัตราการเสียชีวิตได้ 
 

นายธนกร กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงจะติดเชื้อ หรือเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ ที่มีความเสี่ยง ตามที่ประกาศไว้ ขอให้มีความรับผิดชอบต่อสังคม โดยการเฝ้าระวังตนเอง กักตัว และควรเข้าตรวจสอบหาเชื้อโควิด-19 ทันที ทั้งนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้แพร่เชื้อสู้ผู้อื่น และลดอัตราการป่วยหนักของตนเอง
 

“นายกรัฐมนตรี ย้ำ ภายหลังเทศกาลปีใหม่ขอความร่วมมือประชาชนให้ความสำคัญการใส่หน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะห่าง ตรวจคัดกรองตนเองด้วย ATK และเวิร์คฟอร์มโฮมเป็นเวลา 14 วัน หากจำเป็นต้องเริ่มปฏิบัติงานทันทีขอให้ตรวจ ATK ก่อนเข้าทำงาน และควรตรวจซ้ำทุก 3 วันเพื่อเฝ้าระวังอาการ งดการรวมกลุ่มพูดคุย/รับประทานอาหาร เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่กระจายเชื้อออกภายนอก สำหรับรัฐบาลจะคอยติดตามสถานการณ์เพื่อประเมินปรับใช้มาตรการที่เหมาะสมต่อไป” นายธนกร กล่าว