“ศิลป์” สร้างสุข สาวน้อยสู้ชีวิต สะบัดพู่กันพิชิตโรคร้าย

27 ธ.ค. 2564 | 11:25 น.

ทุกปัญหามีทางออกเสมอ ค่อย ๆ คิด ใช้สติ หาทางออกแห่งแสงสว่างนั้นให้เจอ... “น้องปริม” น.ส.ปันนรัตน์ บวรภัคพาณิช มักจะบอกคนรอบข้างอย่างนั้น สาวน้อยคนนี้ผ่านประสบการณ์มามากเกินกว่าคนทั่วไปรุ่นเดียวกันเคยพบเจอ งานศิลปะมีส่วนทำให้เธอต่อสู้กับโรคร้ายมาได้จนถึงวันนี้   

ปันนรัตน์ บวรภัคพาณิช หรือ “น้องปริม” สาวน้อยวัยต้น 20 เจ้าของ เพจ Mom&Me Happiness inside ใช้ชีวิตเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนที่เธอได้ประสบพบเจอ รวมทั้งผู้คนที่รู้จักเธอผ่านงานศิลปะและเรื่องราวที่ถ่ายทอดผ่านสื่อโซเชียลมีเดียที่เธอใช้เป็น “ประตู” เปิดสู่โลกภายนอก

 

“ครั้งแรกที่หนูทำเพจนี้ขึ้นมา ก็เพื่อหารายได้มาผ่าตัดรักษาตนเอง แบ่งเบาภาระคุณแม่ ที่ต้องเหนื่อยดูแลหนูมาตลอด และที่สำคัญที่สุด หนูอยากเป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่ต้องผ่านเรื่องราวร้ายๆ หลายครั้งในชีวิต” โพสต์ที่น้องปริมปักหมุดไว้ บอกเล่าเรื่องราวความเป็นมา พร้อมพลัง “คิดบวก” ที่เธอยินดีจะมอบให้แก่ทุก ๆคน “สำคัญคือจิตใจต้องเข้มแข็งและมั่นคง เราถึงจะฝ่าฟันอุปสรรคปัญหาไปได้ ไม่คิดแก้ปัญหาด้วยเส้นทางที่แคบ ชีวิตมีค่ามากนะคะ”

ขอบคุณภาพจากเพจ Mom&Me Happiness inside

อาการแปลก ๆ เมื่อ SLE มาเยือน

น้องปริมบอกเล่าจุดเริ่มต้นว่า “หนูเรียนสาย ศิลป์-สถาปัตย์ ม.4-ม.6 ตอนอายุ15 ปี หนูเริ่มป่วย ด้วยอาการแปลกๆ ไม่ทราบสาเหตุ ขาข้างหนึ่งไม่มีแรงเดิน เป็นๆหายๆ ไปตรวจรักษามาหลายแห่งมาก

อายุ16 ปี อาการหนูกำเริบหนักมาก เจ็บปวดทั้งร่างกาย ทานข้าวไมค่อยได้แล้ว ผอม ไม่มีเรี่ยวแรง โชคยังดีมาก คืนนั้นหนูถูกส่งไปรักษาด่วนที่รพ.ในกรุงเทพ หมอวินิจฉัยว่าเป็นโรค SLE (ภูมิคุ้มกันทำร้ายตัวเอง) นอนรักษาอยู่1เดือน ได้กลับบ้าน และต้องมาตรวจตามนัดที่กทม.ทุกเดือน

 

รักษาได้1ปี อาการดีขึ้นมาก หนูจึงขอส่งตัวกลับมารักษาต่อที่รพ.ใกล้บ้าน เพราะไปกทม.มีค่าเดินทางและค่ารักษาที่สูงมาก

 

ตอนอายุ 17 ปี ตัวบวม โรคกำเริบลงระบบไต ตัวโรคไม่ยอมสงบ หนูจึงเริ่มทำการรักษาด้วยเคมีบำบัดทุกเดือน และมีผลข้างเคียงจากการรักษาหลายอย่าง

 

อายุ 18 ปี สอบติด มช. คณะวิจิตรศิลป สาขาออกแบบ ไปเรียนไม่กี่วัน ก็ป่วยติดเชื้อที่ปอด หมอบอกว่าตอนนี้เป็นไตวาย ระยะสุดท้ายแล้ว วิธีรักษาคือต้องฟอกเลือด

ขอบคุณภาพจากเพจ Mom&Me Happiness inside

หนูไปฟอกเลือด อาทิตย์ละ3 ครั้ง ร่างกายอ่อนแอ สุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง มีอาการแทรกซ้อนป่วยบ่อย  เหนื่อยง่าย ไปเรียนไม่ไหว เลยต้องดรอปเรียนก่อน

อายุ 19 ปี เช้าวันนั้นเหนื่อยมาก อยู่ ๆก็มีอาการ หัวใจวาย น้ำท่วมปอด โชคยังดี คุณหมอช่วยชีวิตไว้ทัน ตรวจพบหัวใจโต มีน้ำในเยื่อหุ้มหัวใจ ต้องทำการเจาะน้ำเพื่อระบายน้ำออก หมอบอกว่าอาจมีความเสี่ยงเพียง 1% ที่จะเจาะไปโดนเส้นเลือดดำแตก คุณแม่จึงตกลงให้หมอทำการเจาะเพราะความเสี่ยงน้อยมาก"

 

ชะตาเล่นกล เป็น 1% ของผู้โชคร้าย

สาวน้อยนักสู้ เผชิญบททดสอบความแข็งแกร่งของจิตใจครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เธอก็ไม่เคยถอดใจ

 

“โชคร้าย หนูคือ1% ที่ไปโดนเส้นเลือดดำแตก (ไม่เกี่ยวกับคุณหมอ) เพราะมันมี1%เกิดขึ้นได้ ความดันหนูตก ต้องดูดเลือดที่อกออกทุกๆ1ชม. หมอบอกต้องผ่าตัดรักษาชีวิตให้เร็วที่สุด ตอนนั้นหนูก็จับมือหมอบอกว่า หนูไม่กลัวคุณหมอช่วยผ่าตัดเลยคะ เพราะอยากมีชีวิต อยากอยู่กับแม่

 

เย็นวันนั้นหนูเข้ารับผ่าตัดด่วน โชคดีได้คุณหมอที่เก่งมากๆ หนูจึงรอดมาได้หวุดหวิดเลย

 

โรคไตวาย  การฟอกเลือด เป็นการรักษาและยืดอายุให้มีชีวิตต่อได้ หนูเป็น SLE เส้นเลือดจะเปราะบาง เส้นเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจตีบ ต้องเจ็บตัว ผ่าตัดขยายหลอดเลือดอีกหลายครั้ง แต่หนูก็สู้มาตลอด เพื่อต้องการมีชีวิตอยู่ต่อ และหนูหวังว่าจะเกิดปาฏิหาริย์ ได้รับการรักษาโดยการปลูกถ่ายไต หนูได้เข้าโครงการขอไตบริจาคจากกาชาด เคยถูกเรียกจากรพ.มา 2 ครั้ง แต่ได้คิวที่ 4-5 และร่างกายยังไม่แข็งแรงพอจะผ่าตัด จึงต้องเลื่อนไปอีก

 

แล้ววัน (โชคดี) ของเธอก็มาถึง

อายุ 21 ปี 4โมงเย็นวันที่ 6 กันยายน 2563 รพ.ที่ในกรุงเทพโทรมา บอกว่า “ทางกาชาดได้ไตบริจาค และหนูเป็นคิวที่1 เพราะเนื้อเยื่อของผู้บริจาค เข้ากับหนูมากที่สุด ให้มาที่รพ.ด่วน”

 

หนูไปถึงกรุงเทพ 4 ทุ่ม ผลตรวจสุขภาพผ่านทุกอย่าง เนื้อเยื่อหนูเข้ากับไตบริจาคได้ดีมาก 6โมงเช้า วันพรุ่งนี้ได้เข้ารับการผ่าตัด

 

วันที่ 7 ก.ย.63  เวลา 9 โมง “ไตใหม่ ชีวิตใหม่” หนูตื่นมา อย่างมีความสุขที่สุด ปัสสาวะออกมาเยอะมากมาย

(เดิมปกติแทบจะไม่มีแล้ว) และไม่ค่อยปวดแผลผ่าตัดเท่าไหร่ คงเพราะมีความสุขมากกว่า

 

หลังจากออกรพ.หนูก็ไปตรวจร่างกายตามหมอนัด สุขภาพดีขึ้นเรื่อย ๆ ไตใหม่ทำงานได้ดีมาก แต่ผู้ป่วยเปลี่ยนอวัยวะ ต้องทานยากดภูมิคุ้มกัน ตลอดชีวิต เพื่อให้ไตอยู่กับเราไปนานๆ หนูจึงต้องดูแลร่างกายมากกว่าเดิม เพราะภูมิจะต่ำกว่าคนทั่วไป

 

หนูเริ่มออกกำลังกาย ทำอาหารทานเองที่บ้านกับคุณแม่ ทุกวันจะสวดมนต์ทำสมาธิ ฟังเพลงบ้าง และลงเรียนคอร์สออนไลน์วาดรูปสีน้ำกับคนที่เก่งๆ เพื่อพัฒนาตนเอง

 

ปัจจุบันหนูเปลี่ยนไตจะครบ 1ปีแล้ว ต้องไปตรวจร่างกายและรับยาที่กรุงเทพทุก3 เดือน นอกจากไปรพ.แล้ว หนูก็พยายามพบเจอคนให้น้อยที่สุด เพราะยังได้ยากดภูมิที่มีขนาดสูง

 

สุขภาพสำคัญที่สุด ไม่ว่าจะเกิดมารวยหรือจน การได้เกิดมา 1ชีวิต แข็งแรงสามารถทำอะไรได้อีกมากมายจริง ๆ

ขอบคุณภาพจากเพจ Mom&Me Happiness inside

สร้าง “ศิลป์” สู้โรค

ครอบครัวปลูกฝังหนูมาตั้งแต่เด็ก ให้มีความรักในสถาบัน รู้จักบุญคุณของแผ่นดิน ตอนสมัยเรียนอยู่ม.ปลาย ครูให้หารูปมาเป็นแบบวาด หนูก็จะชอบวาดรูปในหลวงร.9  เพราะทุกครั้งที่วาดเสร็จ จะรู้สึกหัวใจยิ้มได้ ภูมิใจมากค่ะ

 

ปัจจุบันหนูวาดรูปสีน้ำอยู่ที่บ้านอย่างเดียว  ขายงานวาด รับวาดรูป นำงานวาดมาทำเป็นปฏิทินตั้งโต๊ะปี 65 และทำเป็นโปสการ์ดกล่องกล่องของของขวัญจำหน่าย เพื่อหารายได้เลี้ยงชีพตนเอง…"

 

น้องปริมในวันนี้ ยังทำงานศิลปะที่เธอรักอยู่กับบ้านเป็นหลัก เธอมีผลงานสร้างสรรค์ที่นำมาสร้างรายได้ สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัวและการรักษาพยาบาล เช่น กล่องของขวัญ โปสการ์ดภาพวาดสะสมสีน้ำสวย ๆ งานวาดภาพเทคนิคสีน้ำ และปฏิทินตั้งโต๊ะปี 65 ซึ่งเป็นผลงานที่เธอภาคภูมิใจ   

 

เรื่องราวของน้องปริมอาจจะเป็นกำลังใจให้กับอีกหลายคนที่ประสบความยากลำบากเป็นบททดสอบหัวใจนักสู้ในรูปแบบต่าง ๆ ในชีวิต และหากมีใครสนใจอยากสนับสนุนผลงานศิลปะของเธอ รวมทั้งให้กำลังใจสาวน้อยนักสู้คนนี้ ก็สามารถเข้าไปติดตามเรื่องราวและผลงานของเธอได้ที่เพจ Mom&Me Happiness inside รับรองว่า คุณจะได้รับพลังบวกและรอยยิ้มกลับคืนมาอย่างแน่นอน