"โอมิครอน" ในไทยติดเชื้อสะสมแล้ว 205 ราย อนุทินยันไม่ล็อกดาวน์

24 ธ.ค. 2564 | 06:01 น.

โอมิครอนในไทยติดเชื้อสะสมแล้ว 205 ราย อนุทินยันไม่ล็อกดาวน์ ชี้แนวทางลดความเสี่ยงคือการได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นโดยเร็ว

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ปัจจุบันสถานการณ์ผู้ติดเชื้อ "โอมิครอน" (Omicron) ในประเทศไทย มีผู้ติดเชื้อสะสมแล้ว 205 คน 
สำหรับกรณี 2 สามี และภรรยา ที่เดินทางจากประเทศเบลเยี่ยมเข้าประเทศไทยผ่านระบบ Test & Go แล้วกลับบ้านไปที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ไปเยี่ยมญาติที่จังหวัดอุดรธานี  ก่อนจะพบว่า ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอนนั้น ล่าสุดในกลุ่มนี้มีผู้สัมผัสเสี่ยงกว่า 100 คน  โดยในจำนวนนี้รับรายงานมีผู้ติดเชื้อโอมิครอนแล้ว 22 คน ซึ่ง 19 คน เป็นพนักงานร้านอาหารที่สามี ภรรยาเดินทางไปรับประทาน ส่วนอีก 3  คน เป็นคนในครอบครัว

ส่วนกรณีนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลนั้น เบื้องต้นพบว่าโอกาสในการแพร่ระบาดสู่คนอื่นค่อนข้างต่ำ เนื่องจากเชื้อน้อย และเป็นซากเชื้อ โดยเจ้าหน้าที่ก็ได้มีการติดตามสอบสวนโรคผู้สัมผัสเสี่ยงทั้งหมดแล้ว และยังไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มเติม 
อย่างไรก็ดี ได้กำชับให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ตรวจสอบการเข้าพักโรงแรมซึ่งเป็นสถานที่กักตัว เพื่อกำชับให้โรงแรมต่างๆปฏิบัติตามมาตรการกระทรวงสาธารณสุขอย่เคร่งครัด เพื่อป้องกันไม่ให้มีการหลุดลอดของผู้กักตัวอีก

ไทยติดเชื้อโอมิครอนสะสมแล้ว 250 ราย

โดยหากตรวจสอบแล้วว่า โรงแรมดังกล่าว มีความหละหลวมไม่เข้มงวดจริง กรมสนับสนุนบริการสุขภาพก็จะเข้าไปดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งตามหลักการโรงแรมที่จะขอเข้าเป็นสถานกักกันโรค หรือASQ จะต้องมายื่นขอขึ้นทะเบียนกับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพและจะต้องผ่านการประเมินมาตรการต่างๆก่อนได้รับการอนุมัติ

นายอนุทิน กล่าวต่อไปอีกว่า ขณะนี้ได้รับการยืนยันพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าการลดความเสี่ยงการติดเชื้อโอมิครอน คือการได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นให้ได้โดยเร็วที่สุด วันนี้ได้เริ่มรณรงค์การฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3 และเข็ม 4 โดยอนาคตหากจะต้องมีเข็มกระตุ้น เข็ม 5 เข็ม 6  ต้องเร่งดำเนินการให้ได้โดยเร็ว ซึ่งยืนยันว่ากระทรวงสาธารณสุข มีวัคซีนโควิด-19 เพียงพอให้บริการกับประชาชน 
ส่วนกรณีที่มีการแชร์ข้อความว่าจะมีการประชุมศบค.ชุดใหญ่ ถึงการล็อคดาวน์ประเทศ อีกครั้งนั้น  ขอยืนยันว่ายังไม่มีการล็อกดาวน์ ขอให้ประชาชนฉลองเทศกาลปีใหม่ภายใต้ มาตรการสาธารณสุข  แต่เบื้องต้นทางกรุงเทพมหานคร ในส่วนการจัดงานของหน่วยงานได้ยกเลิกการจัดงานต่างๆ ส่วนประชาชนหากจะจัดงานหรือจะไปสังสรรค์ ก็ขอให้คำนึงถึงความปลอดภัย การป้องกันโรค  และเลี่ยงไปยังพื้นที่ ที่มีการจัดงานรวมกลุ่มขนาดใหญ่ ที่มีคนหมู่มาก