ด่วน! นักท่องเที่ยวอิสราเอลหนีจากโรงแรมสุขุมวิท ติด “โอมิครอน”

23 ธ.ค. 2564 | 04:35 น.

กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ยืนยันนักท่องเที่ยวอิสราเอลติดโควิดหนีออกจากโรงแรมย่านสุขุมวิท ผลออกแล้วพบว่าติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอน ส่วนผลการติดเชื้อครั้งที่2เป็นลบ เพราะติดเชื้อแต่ใกล้หายแล้ว

วันนี้ (23 ธันวาคม) นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวถึง ผลการตรวจหาเชื้อโควิด นักท่องเที่ยวชายชาวอิสราเอล ติดโควิดหนีออกจากโรงแรมย่านสุขุมวิท  ตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคมว่า จากการตรวจสอบสายพันธุ์พบเป็นสายพันธ์ุโอมิครอน ซึ่งเป็นการนำตัวอย่างเชื้อมาตรวจหาสายพันธุ์ตั้งแต่วันแรก 17 ธันวาคม พบผลเป็นบวก จากนั้นส่งมาตรวจหาสายพันธุ์ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ วันที่ 18 ธันวาคม พบเป็นสายพันธุ์โอมิครอน

ส่วนสาเหตุที่ตรวจหาเชื้อโควิดที่เกาะสมุยสองครั้งไม่พบเชื้อนั้น อาจเป็นเพราะติดเชื้อและใกล้หายแล้ว จึงพบปริมาณเชื้อในร่างกายต่ำ

 

ทั้งนี้ ได้มีการส่งเชื้อไปตรวจซ้ำที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อตรวจซ้ำ คาดว่าผลจะออกบ่ายวันนี้ ส่วนสาเหตุที่ทำไมให้ผลเป็นลบ คาดว่าชายคนดังกล่าวเป็นการติดเชื้อในช่วงขาลง เนื่องจากมีปริมาณเชื้อหรือไซเคิลไทม์สูง ประมาณ 30 ของวงรอบการปั่นเพิ่มจำนวนเชื้อ ซึ่งตามปกติการปั่นเพิ่มจำนวนเชื้อ หรือไซเคิลไทม์นี้ หากมีปริมาณเชื้อน้อย 17-18 แสดงว่ามีเชื้อในร่างกายสูง

 

“ชายคนนี้สันนิษฐานว่าติดเชื้อและใกล้หายแล้ว จึงพบปริมาณเชื้อในร่างกายต่ำ แต่ต้องถือว่ามีความผิดเพราะหลบหนีออกจากระบบ ผิดตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ” 

สำหรับการติดเชื้อในชายคนดังกล่าว ไม่ใช่เดลตาอย่างที่เข้าใจ ส่วนจะมีโอกาสแพร่เชื้อให้คนอื่นได้หรือไม่นั้น ก็ถือว่ามีแต่น้อย เนื่องจากใกล้หายแล้ว ทั้งนี้ นิยามของการตรวจหาเชื้อที่เป็นขาขึ้น จะพบว่าในการตรวจครั้งแรกจะเป็นลบ เช่น นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามา ตรวจในรอบ 72 ชั่วโมง แต่มาไทยและพบผลเป็นบวก อันนี้แสดงว่าเชื้ออยู่ในช่วงขาขึ้น แต่หากตรวจครั้งแรกเป็นบวก และครั้งสองและสามเป็นลบ แสดงว่าอยู่ในช่วงขาลง

อย่างไรก็ตามนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลคนนี้ได้หนีการกักตัว หลังเดินทางเข้าไทย เมื่อวันที่ 17 ธันวาคมที่ผ่านมา จากนั้นได้มีการกักตัวที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ย่านสุขุมวิท พร้อมทำการตรวจ RT-PCR โดยผลปรากฎว่าติดโควิด 19 แต่หนุ่มอิสราเอลรายนี้ไม่ยินยอมเข้ารับการรักษาตามมาตรการของรัฐบาลและได้หลบหนีออกจากโรงแรมดังกล่าว

 

จากการตรวจสอบพบว่าหนุ่มอิสราเอลรายนี้ ได้เรียกรถแท็กซี่โดยสารจากโรงแรมแห่งหนึ่งในย่านสุขุมวิทไปยังโรงแรมแห่งหนึ่งย่านพัทยาและในหลายพื้นที่ จังหวัดชลบุรี และปฎิเสธการแสดงเอกสารการเดินทาง และเอกสารการตรวจโควิดต่อทางโรงแรมในจังหวัดชลบุรี ทางเจ้าหน้าที่โรงแรมจึงปฏิเสธการให้เข้าพัก แต่นักท่องเที่ยวรายดังกล่าวยังคงท่องเที่ยววนเวียนอยู่ในย่านพัทยา จนถึงวันที่ 19 ธันวาคม ก่อนจะกลับมาที่กรุงเทพฯในช่วงเย็นวันเดียวกัน

 

ต่อมาถูกตำรวจ สน.ทองหล่อ ออกหมายจับในข้อกล่าวหาความผิดฐาน ฝ่าฝืนข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19)

 

จนกระทั่ง พ.ต.อ.ศุภฤกษ์ พันธ์โกศล ผกก.ตม.จว.สุราษฎร์ธานี พ.ต.อ.ยุทธนา ศิริสมบัติ ผกก.สภ.บ่อผุด พร้อม ร.ต.อ.อรุณ มูสิกิ้ม รอง.สว.ตม.จว.สุราษฎร์ธานี พร้อม กำลังตำรวจท่องเที่ยว และ นายนิเวศน์ ศักดิ์ศรี รองหัวหน้าสาธารณสุขอำเภอเกาะสมุย และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ โรงพยาบาลเกาะสมุย ได้นำกำลังเดินทางไปที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง หมู่ 4 ตำบลบ่อผุด อำเภอเกาะสมุย เพื่อรอรับมอบตัว นักท่องเที่ยวชายอายุ 29 ปี สัญชาติอิสราเอล ขณะนั่งอยู่ในร้านอาหารทางเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการแสดงตัวว่ามารับตัวตามที่ นักท่องเที่ยวชายคนดังกล่าวร้องขอ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้พูดคุยก่อนนำตัวขึ้นรถตู้ของโรงพยาบาลเกาะสมุย เพื่อไปทำการตรวจหาเชื้อโควิด-19 อีกครั้ง

 

กระทั่งล่าสุด มีรายงานข่าวแจ้งว่า นายแพทย์ ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ระบุว่า นักท่องเที่ยวหนุ่มอิสราเอลที่ติดเชื้อโควิด-19 ได้มีการนำตัวอย่างเชื้อมาตรวจหาสายพันธุ์ตั้งแต่วันแรก 17 ธ.ค. 64 พบผลเป็นบวก ก่อนจะส่งมาตรวจหาสายพันธุ์อีกครั้ง ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 65 พบเป็นสายพันธุ์โอมิครอน