สธ.เผยบรรลุเป้าหมาย ฉีดวัคซีนโควิดครบ 100 ล้านโดส เดินหน้าฉีดเข็มกระตุ้น

20 ธ.ค. 2564 | 05:12 น.

กระทรวงสาธารณสุขเผยบรรลุเป้าหมายการฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้ครบ 100 ล้านโดสแล้ว เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. เดินหน้าให้บริการฉีดต่อเนื่อง เร่งรณรงค์ให้ประชาชนที่ฉีดวัคซีนชนิดเดียวกันครบ 2 เข็ม ตั้งแต่ช่วงแรกจนถึงเดือนก.ย.ฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน

วันที่ 20 ธ.ค.64 นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.)  เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงสาธารณสุข ได้กำหนดเป้าหมายการฉีดวัคซีนโควิด-19 แก่ประชาชน ให้ได้ 100 ล้านโดส เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกัน ช่วยลดการป่วยหนักและเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 นั้น

 

ข้อมูลจากหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ที่รายงานผ่านสำนักตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2564 สามารถฉีดวัคซีนได้บรรลุเป้าหมายแล้ว มียอดการฉีดวัคซีนสะสมอยู่ที่ 100,054,961 โดส ครอบคลุมประชากรตามทะเบียนราษฎร์และประชากรแฝงซึ่งมี 72 ล้านคนดังนี้ 

  • เข็มที่ 1 จำนวน 50,573,308 คน คิดเป็น 70.21%
  •  เข็มที่ 2 จำนวน 44,393,213 คน คิดเป็น 61.63%
  •  เข็มที่ 3 จำนวน 5,020,704 คน คิดเป็น 6.97% 
  • เข็มที่ 4 จำนวน 66,722 คน คิดเป็น 0.09% 

 

สธ.เผยบรรลุเป้าหมาย ฉีดวัคซีนโควิดครบ 100 ล้านโดส เดินหน้าฉีดเข็มกระตุ้น

 

อย่างไรก็ตาม จะเดินหน้าจัดบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 แก่ประชาชนต่อเนื่อง และให้หน่วยงานสาธารณสุขเร่งค้นหาผู้ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน โดยเฉพาะกลุ่ม 608 สื่อสารทำความเข้าใจถึงประโยชน์ของวัคซีนและให้เข้ารับการฉีด ร่วมมือกับฝ่ายปกครองและท้องถิ่นจ้ดบริการเชิงรุกในพื้นที่ที่เข้าถึงยาก เช่น

ชุมชนชาวเขา กลุ่มผู้ป่วยติดบ้านติดเตียงที่ไม่สามารถเดินทางเองได้ รวมถึงเปิดโอกาสให้กลุ่มแรงงานต่างด้าวทั้งที่ได้รับอนุญาตแล้วและยังไม่ได้รับอนุญาต เข้ารับการฉีดวัคซีนให้มากที่สุด เพื่อเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ประชากรทุกกลุ่มที่อยู่ในประเทศ 

 

นายแพทย์เกียรติภูมิ กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขอยู่ในช่วงรณรงค์ให้ประชาชนชนที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบทั้ง 2 เข็มแล้วตั้งแต่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์-กันยายน 2564 โดยเฉพาะผู้ที่ฉีดวัคซีนชนิดเดียวกัน 2 เข็ม ทั้งแอสตร้าเซนเนก้า และซิโนแวค เข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน และเมื่อประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนมากขึ้น มีภูมิคุ้มกันมากขึ้น ร่วมกับปฏิบัติตามมาตรการป้องกันควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด ได้แก่

 

Covid Free Setting และ Universal Prevention ทำให้สถานการณ์การแพร่ระบาดดีขึ้น จะมีการเสนอรัฐบาลเพื่อพิจารณาผ่อนปรนมาตรการ หรือพื้นที่ต่างๆ ต่อไป เพื่อให้ประชาชนได้กลับไปใช้ชีวิตใกล้เคียงปกติมากที่สุดตามรูปแบบชีวิตวิถีใหม่ เกิดการขับเคลื่อนภาคเศรษฐกิจของประเทศควบคู่กับมีความปลอดภัยจากโรคโควิด 19