ประกันสังคม ปฏิรูประบบบำนาญขยายอายุเกษียณ 55 เป็น 60 ปี เริ่มใช้กับรายใหม่

20 ธ.ค. 2564 | 01:05 น.

ประกันสังคม ปฏิรูประบบบำนาญชราภาพ ขยายอายุเกษียณจาก 55 ปี เป็น 60 ปี ยกเหตุโครงสร้างผู้สูงอายุ จำนวนผู้รับบำนาญเพิ่มและยาวนานขึ้น หวังควบคุมต้นทุน เริ่มใช้กับผู้ประกันตนรายใหม่

20 ธ.ค.64  สำนักงานประกันสังคม (สปส.) แจงความคืบหน้าการปฏิรูประบบบำนาญชราภาพ โดยการขยายอายุผู้มีสิทธิรับประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพ ว่า​เนื่องจากโครงสร้างประชากรที่กำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ส่งผลให้มีจำนวนแรงงานลดลง ในขณะเดียวกันก็ส่งผลให้มีจำนวนผู้สูงอายุและผู้รับบำนาญเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ระบบการแพทย์ที่ดีขึ้นและสุขภาพที่ดีขึ้น ทำให้อายุเฉลี่ยของประชากรก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน ซึ่งทำให้ผู้ประกันตนจะได้รับบำนาญเป็นระยะเวลายาวนานขึ้น เนื่องจากบำนาญประกันสังคมเป็นการดูแลตลอดชีวิต 
 

อย่างไรก็ตาม สิทธิประโยชน์ที่เพิ่มมากขึ้นก็จะตามมาด้วยต้นทุนที่สูงขึ้น เพื่อไม่ให้ต้นทุนสูงขึ้นมากจนเกินไป ส่งผลกระทบต่ออัตราเงินสมทบที่ผู้ประกันตนและนายจ้างต้องนำส่ง สำนักงานประกันสังคม จึงมีนโยบายการปรับปรุงอายุเกิดสิทธิรับบำนาญ (หรือที่เรียกกันว่าอายุเกษียณ) เพื่อให้เกิดสมดุลกับโครงสร้างประชากรผู้สูงอายุ และควบคุมต้นทุนของระบบบำนาญให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยการขยายอายุผู้มีสิทธิรับประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพเป็นมาตรการปกติที่ประเทศต่างๆ ทั่วโลกดำเนินการ
 

สำนักงานประกันสังคม ได้มีการจัดทำแนวทางการปฏิรูประบบบำนาญชราภาพโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความยั่งยืนให้ระบบบำนาญชราภาพ รวมทั้งเสริมสร้างความมั่นคงให้กับลูกจ้างผู้ประกันตนเมื่อต้องเข้าสู่วัยเกษียณ โดยที่การขยายอายุผู้มีสิทธิรับประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพจาก 55 ปี เป็น 60 ปี เป็นมาตรการหนึ่ง ซึ่งจะเป็นการใช้กับผู้ประกันตนใหม่และผู้ประกันตนที่อายุน้อยเท่านั้น ผู้ประกันตนปัจจุบันที่ใกล้เกษียณอายุจะไม่ได้รับผลกระทบ
 

 

ประกันสังคม ปฏิรูประบบบำนาญขยายอายุเกษียณ 55 เป็น 60 ปี เริ่มใช้กับรายใหม่

 

นอกจากนี้ การขยายอายุเกิดสิทธิรับประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพจะเป็นการเพิ่มโอกาสให้ผู้ประกันตนได้รับบำนาญในอัตราที่สูงขึ้นด้วย โดยจะได้รับบำนาญเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 1.5 ต่อทุกปีผู้ประกันตนส่งเงินสมทบ 

 

ตัวอย่างเช่น หากส่งเงินสมทบกรณีชราภาพตั้งแต่อายุ 35 ปี และทำงานจนถึงอายุ 55 ปี เท่ากับทำงาน 20 ปี หากมีค่าจ้างที่ส่งเงินสมทบเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้ายเท่ากับ 15,000 บาท จะได้บำนาญในอัตรา 27.50% ของ 15,000 บาท หรือคิดเป็นเดือนละ 4,125 บาท และหากขยายระยะเวลาการทำงานถึงอายุ 60 เท่ากับทำงาน 25 ปี จะได้รับบำนาญเพิ่มอีก 7.5% ทำให้บำนาญเพิ่มเป็น 35 % ของค่าจ้าง 15,000 บาท หรือคิดเป็นเดือนละ 5,250 บาท (เพิ่มขึ้น 1,125 บาท) ไปตลอดชีวิต 

 

อ่านเพิ่ม  :  "เงินบำเหน็จ-บำนาญชราภาพ" หลังเกษียณได้รับเท่าไร เช็คสูตรคำนวณที่นี่  

 

ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าว สำนักงานประกันสังคมได้ดำเนินการสำรวจและรับฟังความคิดเห็นผ่านทางเว็ปไซต์ สำนักงานประกันสังคม และมีการสรุปการรับฟังความคิดเห็นให้ทราบด้วยแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการยกร่าง พรบ. และเตรียมเสนอ ครม. พิจารณาในลำดับถัดไป  หากมีความคืบหน้าเพิ่มเติมจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง
 

 

เปิด 3 มาตรการปฏิรูประบบบำนาญชราภาพ

 

อนึ่ง นโยบายในการปฏิรูประบบบำนาญชราภาพ เป็นแผนการที่สำนักงานประกันสังคม เตรียมการมาอย่างต่อเนื่อง แต่เนื่องจากสถานการณ์ ภาวะเศรษฐกิจยังไม่เอื้อ ฯ โดยได้ศึกษา 3 รูปแบบดังนี้

 

1) ปรับเพิ่มเพดานค่าจ้าง ในลำดับแรกสำนักงานประกันสังคม ได้เสนอปรับเพิ่มเพดานค่าจ้างเป็น 20,000 บาท ( จากเพดานค่าจ้างปัจจุบันที่ 15,000 บาท)  เพื่อความยั่งยืนของกองทุน และสิทธิประโยชน์เงินทดแทนกรณีต่าง ๆ ได้แก่ กรณีชราภาพ ว่างงาน คลอดบุตร เจ็บป่วย ทุพพลภาพ และเสียชีวิต ให้แก่ผู้ประกันตน ทั้งนี้ชะลอการดำเนินการไว้เนื่องจากสถานการณ์ของ COVID-19

 

2) ขยายอายุเกิดสิทธิรับบำนาญขั้นต่ำ สำนักงานประกันสังคม ได้เสนอให้ปรับแก้ พรบ.ประกันสังคมฉบับที่ 5 ขยายจาก 55 ปี เป็น 60 ปี โดยผ่านการประชาพิจารณ์แล้ว ซึ่งการดำเนินการจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไปเพื่อให้ประกันปัจจุบันที่ใกล้เกษียณไม่ได้รับผลกระทบ

 

3) ปรับเพิ่มอัตราเงินสมทบ สำนักงานยังไม่ได้เสนอปรับแก้ไขในพรบ.ประกันสังคมฉบับที่ 5 โดย สปส.เป็นนโยบายที่ควรดำเนินการในระดับประเทศ ผ่านคณะกรรมการนโยบายแห่งชาติ ที่กำลังจะตั้งขึ้น เพื่อให้นโยบายการจัดเก็บเงินสมทบเป็นไปได้อย่างสอดคล้องกันในภาพรวมประเทศ