ฉีดวัคซีนโควิดกระตุ้นเข็ม 3 ชนิด mRNA ได้ภูมิต้านทานสูงสุด

10 ธ.ค. 2564 | 02:00 น.

ฉีดวัคซีนโควิดกระตุ้นเข็ม 3 ชนิด mRNA ได้ภูมิต้านทานสูงสุด หมอยงเผยแพร่ข้อมูลระดับสากล ระบุวัคซีนเชื้อตายเป็นตัวเริ่มที่ดี แต่เป็นตัวกระตุ้นที่ไม่ดี

รายงานข่าวระบุว่า ศ.นพ.ยง  ภู่วรวรรณ (หมอยง) หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสเฟซบุ๊ก (Yong Poovorawan) โดยมีข้อความว่า 
โควิด-19 วัคซีน การกระตุ้นเข็ม 3 
การกระตุ้นเข็ม 3  ตามหลังวัคซีนเชื้อตาย ได้รับการตีพิมพ์แล้วในวารสาร VACCINE เป็นการกระตุ้นด้วย AstraZeneca ได้ผลดี ดังรายละเอียดอ่านได้จากวารสาร https://doi.org/10.1016/j.vaccine.2021.11.083
ดังรายละเอียดดังรูป

กระตุ้นด้วย AstraZeneca ได้ผลดี
ส่วนการศึกษา การกระตุ้นเข็ม 3 ตามหลังวัคซีนเชื้อ ด้วยวัคซีนชนิดต่างกัน  ได้แก่ กระตุ้นด้วยวัคซีนเชื้อตาย (Sinopharm) ไวรัส Vector (AstraZeneca) หรือ mRNA (Pfizer)  ที่ระยะเวลา 3 เดือนหลังเข็ม ที่ 2  ได้ส่งไปในวารสารแล้ว พร้อมกับเผยแพร่ใน MedRxiv  https://medrxiv.org/cgi/content/short/2021.12.03.21267281v1

จะเห็นว่าทั้ง 3 วัคซีนที่ใช้กระตุ้น สามารถกระตุ้นภูมิต้านทานขึ้นได้ ในระดับที่แตกต่างกัน 
ถ้าวัดภูมิต้านทานต่อ Spike โปรตีน การกระตุ้นด้วย mRNA จะได้ภูมิต้านทานสูงสุด รองลงมาคือ virus Vector แล้วตามด้วยเชื้อตาย 
วัคซีนเชื้อตายมีส่วนของไวรัสทั้งตัวจึงมี nucleocapsid จึงตรวจพบภูมิต้านทานต่อ nucleocapsid  

การกระตุ้นภูมิของวัคซีนชนิดต่างๆ
การตรวจวัดซีรั่ม IgA การตอบสนองสูงใน mRNA และไวรัส Vector  มากกว่าวัคซีนเชื้อตาย 
ตามที่เคยกล่าวมาแล้ว วัคซีนเชื้อตายเป็นตัวเริ่มต้นที่ดี แต่เป็นตัวกระตุ้นที่ไม่ดี ในการกระตุ้น ควรใช้วัคซีน  virus vector หรือ mRNA

สำหรับการฉีดวัคซีนโควิด-19 (covid-19) ในประเทศไทยนั้น "ฐานเศรษฐกิจ" ติดตามข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขพบว่า ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.-8 ธ.ค. 64 มีการฉีดวัคซีนสะสมแล้วทั้งหมด 96,341,748 โดส แบ่งเป็นเข็มที่ 1 จำนวน 49,568,675 ราย เข็มที่ 2 จำนวน 42,855,870 ราย และเข็มที่ 3 จำนวน 3,917,203 ราย