ยันโควิดสายพันธุ์ใหม่โอไมครอนแพร่เชื้อเร็วกว่าเดลตา

03 ธ.ค. 2564 | 03:06 น.

ยันโควิดโอไมครอนแพร่เชื้อเร็วกว่าเดลตา หมอเฉลิมชัยยกข้อมูลจากแอฟริกาพบเชื้อกระจายแซงหน้าสายพันธุ์เดลตา ขณะที่ผู้ติดเชื้อมีอาการไม่รุนแรง

รายงานข่าวระบุว่า น.พ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ (หมอเฉลิมชัย) รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ blockdit ส่วนตัว "ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย" โดยมีข้อความว่า
3 ธันวาคม 2564 
ไวรัสโอไมครอน (Omicron) แพร่ระบาดเร็วกว่าไวรัสเดลตา (Delta) ที่แอฟริกาใต้
สถานการณ์โควิดของโลกมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญคือ องค์การอนามัยโลกประกาศไวรัสที่น่าห่วงกังวลเป็นลำดับที่ 5 คือไวรัสสายพันธุ์โอไมครอน หรือโอมมิครอน
โดยจุดเริ่มต้นเกิดขึ้นที่ทวีปแอฟริกาและในเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ ได้แพร่ระบาดไปแล้วกว่า 30 ประเทศใน 5 ทวีป
ข้อมูลล่าสุดที่ประเทศแอฟริกาใต้ พบว่าในจำนวนผู้ติดเชื้อ เมื่อตรวจวิเคราะห์ไวรัสสายพันธุ์ต่างๆซึ่งเดิมเป็นสายพันธุ์เดลต้าเป็นหลักนั้น

ขณะนี้วิเคราะห์พบว่าสายพันธุ์โอไมครอนมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และแซงหน้าสายพันธุ์เดลตา

จึงเป็นข้อมูลสนับสนุนว่า ไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนมีความสามารถในการแพร่ระบาดรวดเร็วกว่าไวรัสสายพันธุ์เดลตา
ส่วนผู้ติดเชื้อดังกล่าว ไม่ได้มีอาการรุนแรงกว่า ไวรัสสายพันธุ์เดลตา จึงสรุปได้ว่าความรุนแรงในเบื้องต้นขณะนี้ไม่ได้มากกว่าเดลตา
แต่จำนวนผู้ติดเชื้อนั้นยังมีน้อย จะต้องติดตามศึกษาต่อไปว่า เมื่อติดเชื้อเข้าไปในกลุ่มเสี่ยงคือผู้สูงอายุและผู้มีโรคประจำตัว จะมีอัตราการเสียชีวิตมากน้อยอย่างไร

โอไมครอนระบาดเร็วกว่าเดลตาที่แอฟริกาใต้
ส่วนในประเด็นเรื่องการดื้อต่อวัคซีนต้องถือว่า ขณะนี้ข้อมูลยังไม่สามารถสรุปได้ แต่หลักฐานทางวิชาการและความเชื่อของนักวิทยาศาสตร์ที่ผลิตวัคซีนในบริษัทสำคัญ เชื่อว่าน่าจะมีการดื้อต่อวัคซีนมากกว่าสายพันธุ์เดลตา
ส่วนในประเทศไทยเอง ได้มีมาตรการที่ห้ามพลเมืองจากแปดประเทศในทวีปแอฟริกาเดินทางเข้าประเทศไทย
และคนไทยที่มาจากประเทศเสี่ยงดังกล่าวจะต้องถูกกักตัว 14 วัน ถือว่าเป็นมาตรการที่มีความเหมาะสมในขณะนี้
 

วันนี้ 3 ธันวาคม 2564
ติดเชื้อเพิ่ม 4912 ราย
ติดในระบบ 4606 ราย
ติดจากตรวจเชิงรุก 136 ราย
ติดในสถานกักตัว 13 ราย
ติดในเรือนจำ 157 ราย
สะสมระลอกที่สาม 2,101,778 ราย
สะสมทั้งหมด 2,130,641 ราย
รักษาหาย 5844 ราย
สะสม 2,037,000 ราย
รักษาตัวอยู่ 72,761 ราย

สถานการณ์การติดเชื้้อโควิด-19
โรงพยาบาลหลัก 36,507 ราย 
โรงพยาบาลสนาม 27,911 ราย
แยกกักที่บ้าน 4658 ราย
อาการหนัก 1315 ราย
ใช้เครื่องช่วยหายใจ 338 ราย
เสียชีวิต 33 ราย
สะสมระลอกที่สาม 20,785 ราย
สะสมทั้งหมด 20,880 ราย
ติดเชื้อเข้าข่าย 1646 ราย
สะสม 348,755 ราย
ฉีดวัคซีนสะสม 93 ล้านโดส