รับเปิดประเทศคึกคัก ดึงนักท่องเที่ยว1ล้านคน

13 ต.ค. 2564 | 04:20 น.

เอกชนขานรับเปิดประเทศ 1 พ.ย.64 เชื่อเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัว ส่งผลต่อจีดีพีขยายตัว 0-1 % ททท.คาดจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทย 1 ล้านคน พร้อมโปรโมท “เคาท์ดาวน์” ดึงลิซ่าร่วมงาน ภาคอสังหาฯยันซื้อขายบ้าน-คอนโดคึกคัก ลานเบียร์ มอเตอร์สปอร์ต ลุยจัดอีเวนท์ ส่งท้ายปี

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า วันที่ 1 พ.ย. เป็นต้นไป ประเทศไทยจะเริ่มเปิดรับการเดินทางเข้าประเทศโดยไม่ต้องกักตัวสำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว และเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำเบื้องต้น 10 ประเทศ  

 

ได้แก่ สหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร, เยอรมัน จีนรวมฮ่องกง, ญี่ปุ่น ,เกาหลีใต้, ออสเตรเลีย, สิงคโปร์, สวีเดน, เดนมาร์ก เพื่อให้เข้ามาเที่ยวได้โดยพักโรงแรมในไทย 1 วันหากผลการตรวจโควิดเป็นลบก็สามารถเดินทางไปที่ใดในไทยก็ได้ และในวันที่ 1 ม.ค. 2565 จะรับประเทศอื่นๆ เข้าไทยได้แต่ต้องมีการกักตัวตามเงื่อนไข

 

รวมถึงในวันที่ 1 ธ.ค. 2564 จะพิจารณาอนุญาตให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหาร และสถานบันเทิง เพื่อสนับสนุนและกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว การพักผ่อนและบันเทิง ถือเป็นแรงกระตุ้นให้ภาคธุรกิจเตรียมความพร้อมรองรับการฟื้นตัวของภาคเศรษฐกิจในไฮซีซั่นนี้
 

รับเปิดประเทศคึกคัก ดึงนักท่องเที่ยว1ล้านคน


ต่างชาติเข้าไทย 1 ล้านคน

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า การเปิดให้นักท่องเที่ยวจากประเทศเสี่ยงต่ำเข้าไทยตามที่นายกรัฐมนตรีประกาศไว้ จะเป็นการลดข้อจำกัดในการเดินทางเข้าไทย โดยนักท่องเที่ยวจากประเทศกลุ่มเสี่ยงต่ำ สามารถเข้าไทยได้โดยแสดงหลักฐานต่างๆ ตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ ททท.จึงประเมินว่าในปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทย 1 ล้านคน สร้างรายได้ 3.2 แสนล้านบาท

 

ส่วนการเปิดพื้นที่นำร่องสีฟ้ารับนักท่องเที่ยวทุกกลุ่มนั้น ยังคงเป็นไปตามแผน ซึ่งช่วงวันที่ 1-30 พ.ย. นี้ จากเดิมมี10 พื้นที่ล่าสุดเพิ่มเป็น 15 จังหวัดจากนั้นจะเพิ่มอีก 16 จังหวัด ในเดือนธ.ค. และเพิ่มในจังหวัดชายแดนตั้งแต่ 1 ม.ค. 2565 โดยใช้โมเดลเดียวกับภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์

 

ดึง “ลิซ่า” ร่วมเคาท์ดาวน์

นอกจากนี้ เพื่อโหมการท่องเที่ยวในช่วงปลายปี ททท. มีแผนจะดึง “ลิซ่า lalisa” เข้าร่วมงานเคาท์ดาวน์ในไทย ซึ่งเบื้องต้นจะจัดให้เป็นอีเวนท์ระดับเวิลด์คลาสในจ.ภูเก็ต เพื่อทำให้การจัดงานเคาท์ดาวน์ในไทยช่วงปลายปีนี้ถูกจดจำอยู่ในแผนที่เคาท์ดาวน์โลก และช่วยโปรโมทท่องเที่ยวไทยดึงบลิ๊งก์ของลิซ่า จากทั่วโลกเข้ามาเคาท์ดาวน์ในไทย ซึ่งหลายบริษัททั้ง AIS, KBank, เดนทิสเต้ ที่เป็นสปอนเซอร์ลิซ่า จะมีความร่วมมือระหว่างกันและททท.ได้นำเรื่องนี้ไปฉายภาพให้ศบค.รับทราบแนวคิดนี้ไปตั้งแต่วันที่ 30 ก.ยที่ผ่านมา
 

รับเปิดประเทศคึกคัก ดึงนักท่องเที่ยว1ล้านคน


นายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าททท.ด้านสื่อสารการตลาด กล่าวว่า ในการประชุมศบค.ชุดใหญ่ ในวันที่ 14 ต.ค.นี้ จะเสนอพิจารณาประเทศกลุ่มเสี่ยงต่ำอีกครั้ง จากที่เสนอไป 20 ประเทศ ซึ่งการเร่งเปิดประเทศเป็นเรื่องสำคัญ เพราะประเทศคู่แข่งต่างก็ทยอยเปิดแล้ว เช่น สิงคโปร์ ก็จะรับนักท่องเที่ยวจาก 8 ประเทศในเร็ว ๆ นี้

 

ด้านนางละเอียด บุ้งศรีทอง นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคเหนือ(ตอนบน) กล่าวว่า การประกาศเปิดประเทศ ทางเชียงใหม่เองมีความพร้อม วัดได้จากการที่มีผู้ประกอบการเร่งสมัครเข้ามาตรฐาน SHA plus ใน 2 อาทิตย์ที่ผ่านมามากกว่า 200 ราย ส่วน SHA มีมากกว่า 1,000 รายแล้ว ส่วนการกระจายวัคซีนนั้นก็ไม่น่ากังวลใจ เพราะได้รับจัดสรรทยอยส่งเข้ามาเรื่อยๆ แล้ว มั่นใจว่าจะฉีดได้ตามเป้าหมายที่่ตั้งไว้

 

พยุงจีดีพีไม่ให้ติดลบ

นายสนั่น  อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่าการเปิดประเทศในวันที่ 1 พ.ย.นี้หอการค้าไทยคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเพิ่มเติมประมาณเดือนละ 1 แสนราย จะส่งผลให้จีดีพีของไทยขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.)ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ขยายตัวเศรษฐกิจ (จีดีพี)ไทยปีนี้เป็น 0-1% (เดิม -0.5% ถึง 1%) แม้จะมีการเปิดประเทศ กกร.ยังคงกรอบจีดีพีขยายตัวที่ 0-1% ตามเดิม

 

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า การเปิดประเทศจะทำให้ภาคเศรษฐกิจ ภาคบริการ และการท่องเที่ยวสามารถดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้มากขึ้น ส่งผลให้มีเม็ดเงินเข้ามาในระบบมากขึ้น แต่ที่สำคัญการ์ดอย่าตก เพราะจะทำให้โควิดอาจกลับมาระบาดในรอบใหม่ ซึ่งไม่ควรให้เกิด และภาครัฐเองก็ต้องคอยตรวจตราเข้มงวด ไม่เช่นนั้นเราอาจต้องกลับไปล็อกดาวน์และปิดประเทศอีก

 

สอดรับกับนายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวว่า การเปิดประเทศเพื่อรับนักท่องเที่ยว รวมถึงภาคธุรกิจจาก 10 ประเทศนำร่อง เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและดึงเงินตราต่างประเทศจากภาคบริการ และท่องเที่ยวเข้ามาให้มากขึ้น จากปัจจุบันมีภาคส่งออกเพียงเครื่องยนต์เดียวที่ช่วยพยุงเศรษฐกิจ ซึ่งสิ่งสำคัญคือการ์ดอย่าตก ทุกคนต้องร่วมมือกันในการป้องกันโควิดอย่างเข้มข้นเช่นเดิม
 

สนั่น  อังอุบลกุล


อสังหาฯคึกคักแน่

นางศุภลักษณ์ จันทร์พิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI กล่าวว่า การประกาศเปิดประเทศเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้กลุ่มธุรกิจ โดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งไตรมาส 4 เป็นโค้งสุดท้าย และเป็นไฮซีซั่นในการซื้อ-ขาย หากเศรษฐกิจคึกคัก ความเชื่อมั่นฟื้น เป็นไปได้ที่ผู้บริโภค จะใช้โอกาสนี้ ตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย

 

เพื่อมอบเป็นของขวัญให้กับตนเอง ขณะที่การเปิดรับต่างชาติอย่างน้อย 10 ประเทศโดยไม่ต้องกักตัว จะเป็นอีกช่องทางในการสร้างรายได้ให้กับตลาดบ้าน-คอนโดฯ เนื่องจากไทยเป็นเมืองเป้าหมายที่มีเสน่ห์ และต่างชาติอยากเข้ามาพำนักอยู่อาศัยระยะยาว คาดจะเพิ่มยอดขายได้ไม่น้อย

 

ลานเบียร์ คิกออฟ 1 ธ.ค.

นาย ธนากร คุปตจิตต์ เลขาธิการสมาคมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไทย (TABBA)  กล่าวว่า ก่อนโควิดตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีมูลค่าราว 3.7 แสนล้านบาทต่อปี แต่ในปี 63 มูลค่าหายไปเกือบครึ่ง เหลือเพียง 2.6 แสนล้านบาทเท่านั้น เพราะโควิดทำให้ต้องปิดสถานบันเทิง ห้ามจำหน่ายในภัตตาคาร ร้านอาหาร ซึ่งผู้ประกอบการมีรายได้จากการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ราว 30-40% ของรายได้รวม

 

ล่าสุดการประกาศเปิดประเทศในวันที่ 1 พ.ย. และให้เปิดขาย-ดื่มเครื่องแอลกอฮอล์ในร้านได้ ในวันที่ 1 ธ.ค. นั้น ส่วนที่น่าจะเปิดได้อันดับแรกคือ “ลานเบียร์” เพราะเป็นพื้นที่โล่ง ส่วนการจัดคอนเสิร์ต ผับบาร์ต่างๆเชื่อว่ายังสามารถชะลอออกไปได้ ขณะที่นักท่องเที่ยวที่เข้ามา จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยก็มากขึ้น

 

“1 ธันวาคมนายกฯ ไม่ได้บอกว่าจะให้ดื่มกินได้ แต่พูดว่าจะพิจารณาเพราะฉะนั้นแปลว่านายกยังไม่ได้อนุญาต ดังนั้นในภาคธุรกิจก็ยังไม่กล้าที่จะจ้างหรือลงทุนเตรียมความพร้อมต่างๆ เพราะกลัวเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือยกเลิก ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านพร้อมหมดแล้วที่จะแย่งนักท่องเที่ยวถ้าเราไม่คิดทำอะไรเลยให้กฎระเบียบที่ยิบย่อยต่างๆให้เหมาะสมและสอดคล้องกับการเปิดประเทศ”

 

ผู้ประกอบการถ.ข้าวสารเจ๊งแล้ว 50%

ด้านนายสง่า เรืองวัฒนกุล นายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจบนถนนข้าวสาร และ CEO  Buddy Group กล่าวว่า วันนี้ภาครัฐให้ร้านอาหารเปิดขายได้ 90- 95% แต่ยังไม่สามารถขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ เราคาดหวังว่าหลังจากเปิดประเทศ 1 พ.ย. และอนุญาตขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 1 ธ.ค. ภาพรวมตลาดน่าจะค่อยๆกลับมา
 

รับเปิดประเทศคึกคัก ดึงนักท่องเที่ยว1ล้านคน


“แม้จะมีการพูดเรื่องการเปิดประเทศและการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องเคอร์ฟิวซึ่งจะกระทบนักท่องเที่ยว ตอนนี้ทุกประเทศทั่วโลกต้องการนักท่องเที่ยว ถ้าเรามัวแต่สร้างกฎระเบียบให้เยอะจะทำให้นักท่องเที่ยวไม่อยากมาประเทศไทย เพราะฉะนั้นรัฐบาลควรตัดสินใจให้ชัดเจนสร้างกฎระเบียบให้ชัดเจนและค่อยประกาศออกมาทีเดียว แต่ประกาศที่ออกมาตอนนี้ยังไม่ชัดเจนสำหรับนักท่องเที่ยว”

 

ส่วนกิจกรรม countdown ขณะนี้มีแผนแม่บทอยู่แล้ว แต่เชื่อว่านักท่องเที่ยวจะยังไม่มาก เห็นได้จากการเปิด booking ที่พักล่วงหน้าไปแล้วแต่ยังไม่เห็นมีการ booking เข้ามาเลย เพราะเรื่องของเคอร์ฟิวยังไม่ชัดเจน อย่างไรก็ดี หาก 1 ธ.ค. เปิดขายแอลกอฮอล์ได้แน่นอนข้าวสารจะกลับมาดำเนินกิจการอีกครั้ง

 

และพลิกฟื้นกลับมาได้หลังจากติดลบ 30-40 ล้านบาท แต่วันนี้ผู้ประกอบการเองล้มหายตายจากไปประมาณ 50 % เพราะนโยบายต่างๆจากภาครัฐไม่เอื้ออำนวยให้กับธุรกิจ และการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของธุรกิจสีเทาเป็ยไปได้ยาก แต่ก็เชื่อว่าจะมีกลุ่มผู้ประกอบการใหม่ๆเข้ามามากขึ้น”          

 

นายพฤฒิรัตน์ รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ ประธานคณะกรรมการกีฬายานยนต์ ราชยานยนต์สมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ (ร.ย.ส.ท.) กล่าวว่า การเปิดประเทศช่วงปลายปีนี้ทำให้หลายบริษัทเตรียมจัดอีเวนต์ โดยในช่วงเดือนต.ค.-ธ.ค.นี้ ร.ย.ส.ท.ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เตรียมจัดแข่งขันมอเตอร์สปอร์ต แบ่งเป็นประเภทแรลลี่ 3 สนาม และรถยนต์ทางเรียบสาม 3 สนาม ซึ่งจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาได้