1 ธ.ค.เปิดผับ-ขายแอลกอฮอล์ ผู้ประกอบการไม่กล้าลงทุน หวั่นนายกเปลี่ยนใจ

12 ต.ค. 2564 | 08:17 น.

เปิดประเทศ 1 พฤศจิกายนยังน่าห่วงเชื่อนักท่องเที่ยวน้อย เหตุไม่ยกเลิกเคอร์ฟิว จับตา 1 ธ.ค. เปิดสถานบันเทิง-อนุญาตดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหาร ยังไม่อนุญาตแค่พิจราณา ด้านผู้ประกอบการยังไม่กล้าลงทุน หวั่นนายกเปลี่ยนใจ

นาย ธนากร คุปตจิตต์ เลขาธิการสมาคมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไทย  เปิดเผยว่า  ประเด็นที่ร้อนแรงที่สุดในเวลานี้คือ ที่สุดคือเมื่อวานนายกแถลงเรื่องการเปิดประเทศ 1 พฤศจิกายนและ เปิดสถานบันเทิง-อนุญาตดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหาร1 ธ.ค. 

 

เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าเครื่องยนต์สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศมี 2 ส่วนใหญ่ๆคือการส่งออกและท่องเที่ยว  วันนี้เครื่องยนต์ของการส่งออกเริ่มเดินไปข้างหน้าได้แล้ว แต่ท่องเที่ยวยังคงหยุดนิ่งเพราะฉะนั้นที่ผ่านมารัฐบาลจึงพยายามส่งเสริมให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยในประเทศ 

 

และเครื่องมือที่จะช่วยให้การท่องเที่ยวเดินไปข้างหน้าแล้วแต่เป็นเรื่องของความบันเทิง ร้านอาหารซึ่งเกี่ยวข้องกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วย ซึ่งที่ผ่านมา สถานบันเทิง ภัตตาคาร ร้านอาหารได้รับผลกระทบและเรียกร้องมาตลอดว่าขอให้มีการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารได้ เพราะผู้ประกอบการอยู่ไม่ได้เมื่อรายได้จากการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่กินสัดส่วน 30-40% ของร้านหายไป  ซึ่งก่อนโควิดมูลค่าตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 3.7 แสนล้านบาทต่อปี แต่ในปี 2563 มูลค่าหายไปเกือบครึ่ง เหลือเพียง2.6 แสนล้านบาทเท่านั้น 

 

การพิจารณาให้เปิดดื่มกิน 1 ธันวาคมเพื่อรับเทศกาลปีใหม่ส่วนที่น่าจะเปิดได้อันดับแรกคือลานเบียร์เพราะเป็นพื้นที่โล่ง ส่วนการจับคอนเสิร์ต ผับบาร์ต่างๆเชื่อว่ายังสามารถชะลอการเปิดออกไปได้  อย่างน้อยถ้ามีการอนุญาตให้ดื่มกิน นักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาก็จะเพิ่มขึ้นการจับจ่ายใช้สอยก็มากขึ้น ภายใต้มาตรการที่เหมาะสมถึงถึงช่วยภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศได้ 

 

“1 ธันวาคมนายกฯ ไม่ได้บอกว่าจะให้ดื่มกินได้ แต่พูดว่าจะพิจารณาเพราะฉะนั้นแปลว่านายกยังไม่ได้อนุญาตดังนั้นในภาคธุรกิจก็ยังไม่กล้าที่จะจ้างหรือลงทุนเตรียมความพร้อมต่างๆ เพราะกลัวเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือยกเลิก ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านพร้อมหมดแล้วที่จะแย่งนักท่องเที่ยวถ้าเราไม่คิดทำอะไรเลยให้กฎระเบียบที่ยิบย่อยต่างๆให้เหมาะสมและสอดคล้องกับการเปิดประเทศ”


นอกจากนี้ ทางสมาคมยังอยู่ในขั้นตอนพิจาราณาส่งหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อชี้ให้เห็นว่าการเปิดประเทศและเวลาที่อนุญาตให้เปิดสถานบันเทิงและดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮออล์ไม่สอดคล้องกัน และขอให้ภาครัฐทบทวนเรื่องนี้ให้เหมาะสมและสอดคล้องกัน เพราะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นปัจจัยหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยวและการจับจ่ายใช้สอยในเรื่องของการบันเทิง งานรื่นเริงต่างๆโดยเฉพาะช่วงเทศกาล

 

ด้านนายสง่า เรืองวัฒนกุล นายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจบนถนนข้าวสาร และ CEO ของ Buddy Group  เปิดเผยว่า  ธุรกิจบันเทิงสามารถเปิดกิจการมาได้เพียง  1 เดือน ที่ผ่านมาธุรกิจสถานบันเทิงไม่มีรายได้เข้ามาเลย ในขณะที่การช่วยเหลือจากภาครัฐในธุรกิจเทาๆการเข้าถึงแหล่งเงินทุนค่อนข้างยากอยู่แล้ว แน่นอนว่าธุรกิจของเราได้รับผลกระทบอย่างหนักหน่วงตั้งแต่ปีที่แล้ว 

 

ถนนข้าวสารเดิมเป็นถนนคนเดินมีนักท่องเที่ยวอย่างน้อย 20,000 คนต่อวัน แต่วันนี้ไม่มีนักท่องเที่ยว เราพยายามปรับโมเดลธุรกิจของเราจากถนนคนเดินเป็นเอ็นเตอร์เทนสตรีท มากขึ้น ในส่วนของบริษัทเองภาพรวมของบริษัทเมื่อปีที่แล้วตอนที่เจอ covid รอบ 1-2 เราติดลบค่อนข้างประมาณ 30-40ล้านบาท แต่พอคลายล็อคช่วงปลายปี สามารถพลิกกลับขึ้นมาได้ การขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สามารถทำให้บริษัทกลับมาได้

 

ส่วนถนนจากเดิมที่เปลี่ยน walking street เป็น entertainment street เราปรับเพื่อความอยู่รอด ไม่ได้ปรับเพื่อเรียกร้องอะไรแต่วันนี้ไม่มีนักท่องเที่ยวแล้วก็ต้องส่งเสริมให้คนไทยมากินมาเดิน แต่ว่านโยบายต่างๆจากภาครัฐไม่เอื้ออำนวยให้กับธุรกิจ entertainment จนถึงวันนี้แล้วก็ยังติดลบอยู่ตอนนี้ เราก็คาดหวังว่าหลังจากประเทศ 1 พฤศจิกายนและอนุญาติขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 1 ธันวาคมภาพรวมตลาดน่าจะค่อยๆกลับมา

 

“นายกพูดถึงเรื่องการเปิดประเทศและมีเมนชั่นในเรื่องของการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่นายกไม่ได้พูดถึงเรื่องของเคอร์ฟิวซึ่งจะกระทบนักท่องเที่ยว ตอนนี้ทุกประเทศทั่วโลกต้องการนักท่องเที่ยว ถ้าเรามัวแต่สร้างกฎระเบียบให้เยอะจะทำให้นักท่องเที่ยวไม่อยากมาประเทศไทย  เพราะฉะนั้นรัฐบาลควรตัดสินใจให้ชัดเจนสร้างกฎระเบียบให้ชัดเจนและค่อยประกาศออกมาทีเดียว แต่ประกาศที่ออกมาตอนนี้ยังไม่ชัดเจนสำหรับนักท่องเที่ยว 

 

ในส่วนของกิจกรรม countdown เรามีแผนแม่บทของเราอยู่แล้ว แต่เชื่อว่านักท่องเที่ยวจะยังไม่เยอะเมื่อเปิดประเทศ เนื่องเรามีการเปิด booking ที่พักล่วงหน้าไปแล้วแต่ยังไม่เห็นมีการ booking เข้ามาเลย เพราะเรื่องของเคอร์ฟิวยังไม่ชัดเจน 1 ธันวาคมถ้าเปิดขายแอลกอฮอล์ได้แน่นอนข้าวสารจะกลับมาดำเนินกิจการอีกครั้ง แต่วันนี้ผู้ประกอบการเองล้มหายตายจากไปประมาณ 50 % เพราะนโยบายต่างๆจากภาครัฐไม่เอื้ออำนวยให้กับธุรกิจ และการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของธุรกิจสีเทาเป็ยไปได้ยาก แต่ก็เชื่อว่าจะมีกลุ่มผู้ประกอบการใหม่ๆเข้ามามากขึ้น ส่วนแผงลอยต่างๆยังไม่ตัดสินใจเพราะต้องการดูสถานการณ์”