ศบค.เผยยังพบการระบาดเป็นคลัสเตอร์อย่างต่อเนื่อง

06 ต.ค. 2564 | 08:00 น.

ศบค.เผยจากรายงานของกรมควบคุมโรคยังพบการแพร่ระบาดเป็นคลัสเตอร์อย่างต่อเนื่อง ส่วนใน 4 จังหวัดภาคใต้ ยังพบการระบาดอย่างต่อเนื่อง ด้านโฆษกรัฐบาล เผยนายกฯ สั่งการปลัด สธ. ลงพื้นที่ลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์ ตั้งเป้าให้ควบคุมการระบาดภายใน 1-2 เดือน

วันที่ 6 ต.ค.64 พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค. แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2564 ช่วงหนึ่งว่า จากรายงานของกรมควบคุมโรคยังพบการแพร่ระบาดเป็นคลัสเตอร์อย่างต่อเนื่อง 

 กทม.เป็นกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ ต้องเน้นย้ำ พี่น้องประชาชนที่ไป รพ. ด้วยอาการไข้ อาการระบบทางเดินหายใจ ขอให้แจ้งประวัติกับแพทย์ พยาบาลที่คัดกรองด้วย ขอให้ทุกโรงพยาบาลมีมาตรการเข้มข้น ตอนนี้หากมีผู้ป่วยมีไข้ หรือ ทางเดินหายใจ PUI ขอให้ตรวจคัดกรองโควิดทุกราย

คลัสเตอร์โรงงานในจังหวัดจันทบุรี ชลบุรี และตราด, คลัสเตอร์คนงานเก็บผลไม้ที่เดินทางกลับมาจากสวีเดน, คลัสเตอร์อู่ซ่อมรถที่จันทบุรี, คลัสเตอร์แพปลาที่ระยองและประจวบคีรีขันธ์, คลัสเตอร์ค่ายทหารที่ระยอง, คลัสเตอร์งานเลี้ยงสังสรรค์วันเกิดที่ปราจีนบุรี, คลัสเตอร์งานศพในหลายจังหวัด, คลัสเตอร์แคมป์ก่อสร้าง เป็นต้น
 

ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าวต่อไปว่า ที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศปก.ศบค.) ได้รับทราบแผนจัดการควบคุมโรคและจัดสรรทรัพยากรในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ สงขลา นราธิวาส ยะลา และปัตตานี หลังจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าตัวในช่วง 2 สัปดาห์ เนื่องจากวิถีทางการดำเนินชีวิตประจำวันมีกิจกรรมทางศาสนาและวัฒนธรรม โดยจะมีการพบปะพูดคุยกันและรับประทานอาหารร่วมกันเป็นประจำ

ศบค.เผยยังพบการระบาดเป็นคลัสเตอร์อย่างต่อเนื่อง
 

สธ.วางมาตรการรับมือผู้ป่วยโควิดภาคใต้เพิ่มขึ้น

นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงสถานการณ์โควิด-19 ในเขตสุขภาพที่ 12 โดยเฉพาะ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ ยะลา ปัตตานี นราธิวาส สงขลา พบว่าเขต 12 มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็น 1,900 -2,000 รายต่อวัน จากไวรัสสายพันธุ์เดลตา สวนทางกับสถานการณ์ผู้ติดเชื้อของประเทศที่เริ่มลดลง สาเหตุหลักจากการจัดกิจกรรมรวมกลุ่ม ส่วนใหญ่เป็นการติดเชื้อในบ้านและชุมชน ไม่พบการระบาดเป็นคลัสเตอร์ใหญ่

ดังนั้น จึงได้เน้นย้ำให้พื้นที่เตรียมมาตรการควบคุมโรคที่ชัดเจน ทั้งมาตรการส่วนบุคคล สื่อสารให้ประชาชนป้องกันตนเองขั้นสูงสุด (Universal Prevention) มาตรการสังคม โดยใช้กลไกของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ให้ลดการรวมกลุ่ม, ตั้ง COVID-19 Free Setting Area, ประชาชนกลุ่มเสี่ยงต้องเข้าถึงการตรวจด้วยชุดตรวจ ATK เพื่อจะได้ทราบผลเร็ว แยกผู้ป่วยออกจากชุมชนได้เร็ว

และให้โรงพยาบาลเตรียมเตียงสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการปานกลางถึงอาการหนักทั้ง ICU โควิด, หอผู้ป่วยโควิด, ห้องความดันลบ, จัดหาเครื่องผลิตออกซิเจนเพิ่มขึ้น และให้เตรียมโรงพยาบาลสนามไว้รองรับผู้ป่วยที่ไม่มีอาการ และอาการน้อย เตรียมระบบ HI/CI ไว้รองรับหากมีจำนวนผู้ป่วยที่มากขึ้นเพื่อให้เข้าถึงกระบวนการรักษาได้เร็วขึ้น รวมถึงเร่งรัดการฉีดวัคซีนโดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงให้มีความครอบคลุมยิ่งขึ้น เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันลดป่วยหนัก ลดเสียชีวิต

โดยกระทรวงสาธารณสุข ได้จัดส่งยาและเวชภัณฑ์ ไปยังเขตสุขภาพที่ 12 ได้แก่ ยาฟาวิพิราเวียร์ 1,000,000 เม็ด, ชุดตรวจ ATK 20,000 ชุด, Oxygen concentrator 100 เครื่อง, วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 25,000 โดส และวัคซีนไฟเซอร์ 100,000 โดส เพื่อรองรับการป้องกันควบคุมโรค และเตรียมการรักษาในพื้นที่

ด้านนพ.สุเทพ เพชรมาก ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ได้ตั้งเป้าหมายควบคุมสถานการณ์ในเขตสุขภาพที่ 12 ให้ได้ภายใน 1- 2 เดือน โดยลดจำนวนผู้ติดเชื้อประมาณ 10% ต่อสัปดาห์

สำหรับการเตรียมการดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ขณะนี้ จังหวัดยะลามีเตียงรองรับในโรงพยาบาลรัฐ 9 แห่ง โรงพยาบาลเอกชน 1 แห่ง รวม 1,162 เตียง เป็นเตียงผู้ป่วยสีแดง 86 เตียง และผู้ป่วยสีเหลือง 1,076 เตียง มีโรงพยาบาลสนามแล้ว 9 แห่ง รวม 2,385 เตียง ส่วนจังหวัดปัตตานีมีเตียงผู้ป่วยโควิด 19 รวม 4,100 เตียง เป็นโรงพยาบาลชุมชน 647 เตียง โรงพยาบาลทั่วไป 216 เตียง ฮอสพิเทล 3 แห่ง 557 เตียง โรงพยาบาลเอกชน 1 แห่ง 58 เตียง โรงพยาบาลทหาร 1 แห่ง 10 เตียง และโรงพยาบาลสนามอำเภอ 2,612 เตียง โดยได้ยกระดับโรงพยาบาลสนาม ให้สามารถดูแลผู้ป่วยกลุ่มสีเหลือง และให้ออกซิเจนได้เช่นเดียวกับโรงพยาบาลบุษราคัม

สำหรับภาพรวมทั้งเขตสุขภาพ ขณะนี้ใช้เตียงผู้ป่วยกลุ่มสีแดงไปแล้ว 80% สีเหลืองและเขียว 70-80% คาดว่ายังสามารถรองรับผู้ป่วยได้ และหากมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้น จะสามารถส่งต่อและดูแลได้ภายในเขตสุขภาพ

ด้าน

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 (6 ตุลาคม 2564) ใน 4 จังหวัดชายแดนใต้ที่พบผู้ป่วยรายใหม่ 1,922 คน จ.ปัตตานี 309 คน จ.สงขลา 666 คน จ.นราธิวาส 501 คน และ จ.ยะลา 446 คน ทำให้มีความหวั่นวิตกว่า ทิศทางผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและพี่น้องประชาชน โดยได้สั่งการให้ นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมคณะ ลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์

ทั้งนี้ ตั้งเป้าให้ควบคุมการระบาดภายใน 1-2 เดือน โดยคาดว่าจะลดจำนวนผู้ติดเชื้อร้อยละ 10 ต่อสัปดาห์ พร้อมวางมาตรการสังคมใช้กลไก คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด เพื่อลดการรวมกลุ่ม ตั้ง COVID-Free Setting Area อีกทั้ง ประชาชนกลุ่มเสี่ยงต้องเข้าถึง ชุดตรวจ ATK ได้ง่าย พร้อมทั้งให้โรงพยาบาลเตรียมเตียงสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการปานกลางถึงหนักไว้รองรับอีกด้วย
 
นายธนกร กล่าวว่า  กระทรวงสาธารณสุขยังได้เร่งดำเนินการในการจัดส่งยาและเวชภัณฑ์ไปในพื้นที่แล้ว ได้แก่ ยาฟาวิพิราเวียร์ 1 ล้านเม็ด ชุดตรวจ ATK 20,000 ชุด Oxygen concentrator 100 เครื่อง วัคซีนแอสตร้าฯ 25,000 โดส วัคซีนไฟเซอร์ 100,000 โดส

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 (6 ตุลาคม 2564) ใน 4 จังหวัดชายแดนใต้ที่พบผู้ป่วยรายใหม่ 1,922 คน จ.ปัตตานี 309 คน จ.สงขลา 666 คน จ.นราธิวาส 501 คน และ จ.ยะลา 446 คน ทำให้มีความหวั่นวิตกว่า ทิศทางผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและพี่น้องประชาชน โดยได้สั่งการให้ นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมคณะ ลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์ ทั้งนี้ ตั้งเป้าให้ควบคุมการระบาดภายใน 1-2 เดือน โดยคาดว่าจะลดจำนวนผู้ติดเชื้อร้อยละ 10 ต่อสัปดาห์ พร้อมวางมาตรการสังคมใช้กลไก คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด เพื่อลดการรวมกลุ่ม ตั้ง COVID-Free Setting Area อีกทั้ง ประชาชนกลุ่มเสี่ยงต้องเข้าถึง ชุดตรวจ ATK ได้ง่าย พร้อมทั้งให้โรงพยาบาลเตรียมเตียงสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการปานกลางถึงหนักไว้รองรับอีกด้วย
 
นายธนกร กล่าวว่า  กระทรวงสาธารณสุขยังได้เร่งดำเนินการในการจัดส่งยาและเวชภัณฑ์ไปในพื้นที่แล้ว ได้แก่ ยาฟาวิพิราเวียร์ 1 ล้านเม็ด ชุดตรวจ ATK 20,000 ชุด Oxygen concentrator 100 เครื่อง วัคซีนแอสตร้าฯ 25,000 โดส วัคซีนไฟเซอร์ 100,000 โดส พลเอก ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความห่วงใยสถานการณ์ พร้อมสั่งการให้หน่วยงานที่รับผิดชอบจับตาอย่างใกล้ชิด และขอให้ประชาชนใน 4 จังหวัดชายแดนใต้ป้องกันตัวเองแบบสูงสุดครอบจักรวาล Universal Prevention แม้ว่าจะมีการปรับมาตรการของ ศบค. ให้ผ่อนคลายกิจกรรม/กิจการต่าง ๆ แล้วก็ตาม  มั่นใจ ด้วยการสนับสนุนทีมแพทย์ บุคลากร เวชภัณฑ์ และความร่วมมือของประชาชนในพื้นที่ สถานการณ์ โควิด-19 ในพื้นที่ 4 จังหวัดภาคใต้จะคลี่คลายโดยเร็ว  นอกจากนั้น เนื่องจากช่วงนี้ฝนตกบ่อยขอให้พี่น้องประชาชนได้ระวังป้องกันโควิด-19 ด้วย อย่าการ์ดตก