รู้หรือไม่? 29 กันยายน ของทุกปี วันหัวใจโลก (world heart day)
เพื่อเตือนให้คนทั่วโลกตระหนักถึงอันตรายของโรคหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งนับเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ และเป็นโรคที่คร่าชีวิตผู้คนทั่วโลกกว่า 17.5 ล้านคนต่อปี โดยโรคหัวใจนั้นไม่ได้จำกัดเฉพาะผู้สูงอายุ หรือ เพศใดเพศหนึ่ง แต่สามารถเกิดได้กับทุกคน
รู้จักโรคหัวใจ
ข้อมูลเผยแพร่ของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง เปาโล ระบุว่า โรคหัวใจโดยทั่วไปจำแนกเป็น3 กลุ่มใหญ่ ได้แก่
- กลุ่มที่มีความผิดปกติของโครงสร้างหัวใจ เช่น โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด ลิ้นหัวใจตีบหรือรั่ว
- กลุ่มโรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น หลอดเลือดไปเลี้ยงหัวใจตีบตัน
- กลุ่มที่มีการนำไฟฟ้าหัวใจผิดปกติ เช่น โรคหัวใจเต้นพลิ้ว เป็นต้น
อาการของโรคหัวใจมีอะไรบ้าง?
- อาการเจ็บหน้าอก เป็นอาการสำคัญของโรคหัวใจ แต่อย่างไรก็ตามอาจเกิดจากโรคอื่นได้ด้วย ลักษณะอาการเจ็บหน้าอกที่ชวนสงสัยว่าอาจเกิดจากโรคหัวใจขาดเลือด ได้แก่ เจ็บแน่นคล้ายถูกของหนักทับ มักเป็นบริเวณกลางอก ไม่สามารถระบุจุดที่ปวดมากที่สุดชัดเจนได้ อาจมีร้าวไปที่ไหล่ สะบัก ขากรรไกร แขนซ้ายด้านใน หรือแขนทั้งสองข้างได้ อาการเจ็บหน้าอกมักเป็นมากขึ้นตอนออกแรงหรือมีกิจกรรม และอาการจะทุเลาเมื่อหยุดพัก
- นอกจากนี้ยังมีอาการเจ็บหน้าอกจากสาเหตุอื่นๆ เช่น หลอดเลือดแดงใหญ่ฉีกขาด จะมีความแตกต่างกันคือมีอาการเจ็บหน้าอกแบบแปล๊บแหลม เสียดแทงอย่างรวดเร็วและรุนแรง ร้าวทะลุกลางหลัง อาจมีอาการเหนื่อยผิดปกติ และหน้ามืดร่วมด้วย หรืออาการเจ็บจากภาวะเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ อาจเจ็บบริเวณกลางอกค่อนไปทางด้านซ้าย เจ็บจี๊ด ๆ แหลม ๆ เป็นมากขึ้นเวลาที่หายใจเข้าหรือไอ
- อาการเหนื่อย ผู้ป่วยจะหายใจเร็วและตื้น ทำกิจกรรมได้อย่างจำกัด อาจมีอาการเป็นมากขึ้นตอนนอนราบ ทำให้นอนราบไม่ได้เมื่อนั่งหรือหนุนหมอนสูงแล้วจะดีขึ้น อาจมีอาการขาบวมร่วมด้วย
- อาการเขียว เกิดจากออกซิเจนในเม็ดเลือดแดงลดลง อาจมีภาวะเขียวให้เห็นได้ทั้งที่ริมฝีปาก ใบหน้า หรือ ปลายมือปลายเท้า
- อาการใจสั่น อาการที่ผู้ป่วยรู้สึกว่าหัวใจของตนเต้นไม่สม่ำเสมอ เต้นเร็วหรือช้ากว่าปกติ อาจเป็นชั่วคราวและหายเองหรือเป็นตลอดเวลา อาจมีอาการหน้ามืด วูบ ร่วมด้วย
- อาการวูบ หน้ามืด หรือหมดสติ อาจกินเวลาเพียงเสี้ยววินาที หรือเป็นนาทีได้ มีภาวะชักเกร็งได้หลังจากฟื้นรู้ตัว ผู้ป่วยมักจะกลับเป็นปกติ ไม่มีอาการแขนขาอ่อนแรงใด ๆ
"โรคหัวใจและหลอดเลือด" ป้องกันได้
อย่างไรก็ตาม "โรคหัวใจและหลอดเลือด" ป้องกันได้ หากทุกคนหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพ ด้วยการปรับพฤติกรรมการกิน และการใช้ชีวิตประจำวัน หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงโดยเฉพาะบุหรี่ ออกกำลังกายให้มากขึ้น
โดย ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ เคยกล่าวถึงผลกระทบจากการสูบบุหรี่ที่มีผลต่อหัวใจว่า “จะเห็นได้ว่าผู้ใหญ่ที่สูบบุหรี่มีอัตราที่ลดลง แต่นักสูบหน้าใหม่กลับเพิ่มขึ้น มีความคิดที่ว่าถ้าอยากเลิกบุหรี่ต้องหันมาสูบบุหรี่ไฟฟ้าแทน อันนี้ถือว่าเป็นความคิดที่ผิด เพราะในบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้ามีสารนิโคตินและสารพิษอื่น ๆ อีกมากมายหากร่างกายได้รับสารพิษเป็นเวลานานจะส่งผลร้ายโดยตรงทั้งตัวคนสูบและคนรอบข้าง"
ศ.นพ.ประกิต กล่าวต่อว่า บุหรี่ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อสุขภาพ ซึ่งการรับควันบุหรี่มือสองยังเป็นสาเหตุของการเกิดโรคเส้นเลือดหัวใจตีบได้ โดยการรับควันบุหรี่มือสองเพียง 30 นาที ก็เกิดอันตรายต่อเยื่อบุหลอดเลือด และทำให้เลือดไปเลี้ยงหัวใจลดลง เป็นสาเหตุให้คนไทยเสียชีวิตจากจากโรคหลอดเลือดหัวใจและสมองปีละกว่า2,615 คน
การดูแลตนเองเพื่อป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
- หลีกเลี่ยงอาหารหวาน อาหารที่มีไขมันไม่อิ่มตัว และอาหารเค็มจัด
- กินอาหารที่มีไขมันน้อย
- ลดอาหารหวานจัด เค็มจัด
- ออกกำลังกายเป็นประจำ
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่
- นอนพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เครียด
- ควบคุมน้ำหนัก
- ตรวจสุขภาพอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
ที่มา : สสส.