"อนุทิน"สั่งปรับสูตรฉีดวัคซีนใหม่ยกเลิกซิโนแวคเข็ม2สลับฉีดแอสตร้าฯ

12 ก.ค. 2564 | 10:11 น.

คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติปรับสูตรฉีดวัคซีน ยกเลิกซิโนแวค 2 เข็ม ให้ฉีดสลับยี่ห้อ เป็นซิโนแวค-แอสตร้าเซนเนก้า พร้อมเห็นชอบฉีดวัคซีนบูสเตอร์โดส ให้บุคลากรการแพทย์ด่านหน้า สั่งทุกโรงพยาบาลเริ่มทันที โดยเน้นแอสตร้าเซเนก้าเป็นหลัก

วันนี้ (12 ก.ค.64) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แถลงหลังการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ว่า วันนี้คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติมีการประชุมที่สำคัญ 4 เรื่อง

 

1.เห็นชอบฉีดวัคซีนสลับชนิดโดยเข็มที่ 1 เป็นซิโนแวค และเข็มที่ 2 เป็นแอสตร้าเซนเนก้า ห่างกัน 3-4 สัปดาห์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันเชื้อกลายพันธุ์สายพันธุ์เดลตา

 

โดยจะสร้างภูมิคุ้มกันมากขึ้น และจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ได้รับวัคซีน โดยทางโรงพยาบาลต่างๆ สามารถดำเนินการได้ทันที เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า

 

2.ที่ประชุมรับทราบการฉีดวัคซีนบูสเตอร์โดส ให้บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า โดยให้วัคซีนเข็มที่ 3 ห่างจากเข็ม 2 ในระยะ 3-4 สัปดาห์ เพื่อกระตุ้นให้เกิดภูมิคุ้มกันสูงต่อบุคลากรการแพทย์ด่านหน้า

 

บูสเตอร์โดส นี้จะเป็นยี่ห้อ แอสตร้าเซนเนก้า เป็นหลัก  หรือไฟเซอร์ เนื่องจากส่วนใหญ่ได้รับวัคซีนซิโนแวค ครบแล้วนานมากกว่า 3 เดือน จึงเห็นควรให้การกระตุ้นในเดือนกรกฏาคมนี้ได้ทันที

 

เพราะมีข้อมูลทางวิทยาการระบุว่า การให้วัคซีนคนละชนิดมีผลกระตุ้นดีต่อการสร้างภูมิคุ้มกันในบุคคล

3. ที่ประชุมเห็นชอบการใช้ชุดตรวจ Antigen Test Kit ในการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เพื่อเพิ่มโอกาสเข้าถึงการตรวจหาเชื้อ และประชาชนจะได้ไม่ต้องรอคิวนานเหมือนการสวอป

 

โดยการใช้ Antigen Test Kit นั้น ต้องมีการผ่านการขึ้นทะเบียนจาก อย.ก่อน ขณะนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนแล้ว 24 ราย สำหรับการใช้ จะอนุญาตให้ตรวจตามสถานพยาบาลและหน่วยตรวจที่ได้รับมาตรฐานมีกว่า 300 แห่ง เชื่อว่าจะลดระยะเวลาคอยได้ และในเร็วๆ นี้จะอนุญาตให้ประชาชนสามารถตรวจเองที่บ้านได้

 

4.ที่ประชุมเห็นชอบ การแยกกักที่บ้าน (Home Isolation)และชุมชน สำหรับผู้ป่วยที่ไม่มีอาการรุนแรง ที่ยังไม่สามารถเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลได้ โดยจะเป็นไปตามข้อกำหนดที่ สปสช. กำหนด 

อย่างไรก็ตามจากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นคาดการณ์ว่าหากมีการพบผู้ติดเชื้อระดับหนึ่งหมื่นรายต่อวันหรือแสนกว่ารายในสองสัปดาห์ จะให้เกิดอัตราการเสียชีวิตมากขึ้น

 

จึงต้องมีมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้น วันนี้มาตรการยาแรงที่จะดำเนินการพร้อมกัน คือ

  • ห้ามรวมกลุ่มมากกว่า 5 คน
  • จำกัดการเดินทางข้ามจังหวัด
  • ลดการเดินทางขนส่งสาธารณะข้ามจังหวัดระยะไกล
  • Work from Home ของทั้งภาคเอกชนและรัฐมากที่สุด เพื่อลดโอกาสการสัมผัสโรค
  • ลดการเคลื่อนย้ายและกิจกรรมของคน
  • ปรับแผนระดมฉีดวัคซีนให้กลุ่มสูงอายุและป่วย 7 กลุ่มโรค ตั้งเป้าฉีดวัคซีนผู้ที่อายุ 60 ปีขึ้นไป ให้ได้ 1 ล้านคนในสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะพื้นที่ระบาดรุนแรง