รู้จักPositive Educationเด็กต้องเรียนให้เหมาะกับตน

19 ธ.ค. 2562 | 07:45 น.

รู้จักPositive Educationกับแนวคิด“เด็กไม่จำเป็นต้องเรียนทั้งหมด แค่เรียนในสิ่งที่ควรต้องเรียนและต้องเหมาะสมกับตนเอง”


 

ปัจจุบัน โรงเรียนมัธยมไทยส่วนมากมีการสะท้อนผลสัมฤทธิ์เด็กนักเรียนด้วยคะแนนเป็นหลัก แต่ไม่นำคะแนนมาสร้างแนวทางพัฒนาเด็กในทางตรงกันข้าม โรงเรียนมัธยมนานาชาติที่มีการวัดผลหลายมิติ แต่มีอัตราค่าเทอมสูง  ตัดโอกาสเด็กนักเรียนจำนวนมาก อีกทั้งผลสัมฤทธิ์เชิงคะแนนยังไม่ตอบโจทย์เพียงพอต่อการสมัครเรียนต่อในสถาบันอุดมศึกษาชั้นนำต่างๆ ดังนั้น ระบบการเรียนของไทย จึงอาจต้องการทางเลือกใหม่ๆ เพื่อส่งเสริมให้เด็กได้ถึงฝั่งฝันอย่างเต็มศักยภาพและมีความสุขกับสิ่งที่เรียนจริงๆ
   รู้จักPositive Educationเด็กต้องเรียนให้เหมาะกับตน  

ต่อเรื่องนี้ "พี่โหน่ง-สุธี  อัสววิมล"  หัวหน้าทีมวิชาการโรงเรียนสาธิตพัฒนา แผนกมัธยมฯ แชร์ไอเดียถึงการนำ Positive Education เข้ามาใช้กับเด็กไทยว่า Positive Education คือ การใช้ระบบการเรียนการสอนจากความถนัดผนวกกับการใช้จิตวิทยาเชิงบวก เพื่อสร้างเป็นแผนการเรียนของนักเรียนแบบรายบุคคลซึ่งโรงเรียนสาธิตพัฒนา แผนกมัธยมฯ ได้ริเริ่มขึ้นในประเทศไทยและนำไปพัฒนาเป็นแผนการเรียนของนักเรียนตลอดระยะเวลา 6 ปีโดย“Key” ของหลักสูตรคือ การที่เด็กควรได้เรียนเท่าที่จำเป็นต้องเรียน ไม่ต้องเรียนมากเกินไป และใช้เวลาว่างหลังเลิกเรียน โดยการเลิกเรียนจริงๆ ไม่ใช่การไปเรียนเสริมกวดวิชาต่อ และต้องทำให้เด็กสามารถเลือกเรียนต่อในคณะที่ตนเองอยากเรียนที่ไหนก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นได้ทั้งมหาวิทยาลัยไทย  มหาวิทยาลัยอินเตอร์เนชั่นแนล หรือเรียนต่อต่างประเทศ
     รู้จักPositive Educationเด็กต้องเรียนให้เหมาะกับตน

ระบบการเรียนแบบ Positive Education นั้นเป็นระบบที่ถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลายประสบความสำเร็จในระยะยาวแก่ผู้เรียนในหลายประเทศ อาทิ จีน ออสเตรเลีย และภูฏาน เป็นต้น โดยความสำเร็จดังกล่าว ชี้ให้เห็นว่า ความสุขในการเรียนมีความสัมพันธ์ในเชิงบวกกับประสิทธิภาพการเรียนและส่งผลระยะยาวถึงวัยทำงาน

นอกจากนั้นโรงเรียนสาธิตพัฒนา แผนกมัธยมฯ ยังได้ประยุกต์ใช้ RAISEC Modelหรือทฤษฎีการเลือกอาชีพที่แบ่งบุคคลออกตามลักษณะของบุคลิกภาพได้ 6 ประเภท ได้แก่ Realistic, Investigative, Social, Conventional, Enterprisingและ Artistic ในการค้นหาตัวตนและศักยภาพของตนเอง ซึ่งนักเรียนจะได้รับการประเมินไม่ว่าจากข้อสอบ หรือกิจกรรมต่างๆ จนค้นพบตัวตน เป้าหมาย จุดแข็ง และความถนัดของแต่ละคนแล้ว ซึ่งผลนั้นจะถูกนำมาสร้างเป็นแผนการเรียนการสอนตลอด 6 ปี เพื่อให้เข้าถึงศักยภาพของตนเองอย่างเต็มที่และอย่างมีความสุข สามารถบรรลุเป้าหมาย ทั้งในด้านการเลือกสาขาวิชาเรียนต่อในรั้วมหาวิทยาลัย และการเลือกอาชีพที่เหมาะสมกับความสามารถ  สนใจศึกษาแผนการเรียน Positive Education สามารถเยี่ยมชมโรงเรียนสาธิตพัฒนา แผนกมัธยมฯ (School Visit) ได้ในวันเสาร์ที่ 21ธันวาคม 2562

รู้จักPositive Educationเด็กต้องเรียนให้เหมาะกับตน