อย่าจมปลักกับอดีตกับกรณีของ“ร.อ.ธรรมนัส”...

16 ก.ย. 2562 | 02:05 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

คอลัมน์ แสงเทียนกลางพายุ โดยฉาย บุนนาค หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

“ถ้าอยากรู้ประวัติตัวเอง (ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน)... ให้ลงเล่นการเมือง... เพราะคุณจะรู้ทุกสิ่งอย่าง แบบที่ตัวคุณเองก็ไม่เคยรู้!!”

วลีเด็ดเกี่ยวกับลักษณะและผลสำเร็จของ “การเมืองไทย”... ว่าด้วยเรื่อง “การขุดอดีต”... “คุ้ยประวัติ”... และ “เติมแต่งสีสัน” เพื่อมุ่งเน้นการทำลายความน่าเชื่อถือของฝ่ายตรงข้าม หรือใครก็ตามที่ขวางอยู่บนเส้นทางสู่อำนาจ

เช่นเดียวกับกรณีล่าสุดที่เกิดขึ้นกับ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ส.ส. เขต 1 จังหวัดพะเยา ผู้ควบตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และประธานกรรมการยุทธศาสตร์ภาคเหนือของ “พรรคพลังประชารัฐ”...

โดยบริบทของเรื่องนี้... ประชาชนส่วนใหญ่คงได้ทราบกันดีแล้วถึงข้อกล่าวหาและคำชี้แจงที่ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ได้อธิบายแล้ว... ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคดีที่ประเทศออสเตรเลียเมื่อกว่า 30 ปีก่อน หรือ เรื่องวุฒิการศึกษาระดับปริญญาเอกก็ตาม

ส่วนบทสรุปของเรื่องนี้ จะเป็นเช่นไรนั้น... ความจริงเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องตัดสิน

 

หากแต่ถ้ามองในสายตาของมนุษย์ที่มีความเข้าใจมิติที่หลากหลายของสังคม... มองแบบไม่มีประเด็นการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง... ใครบ้างที่ไม่เคยกระทำสิ่งผิดพลาดในอดีต ?... ใครบ้างที่ไม่เคยอยู่ผิดที่ผิดเวลา ?... ใครบ้างที่เลือกได้แล้วชอบทำความชั่วทั้งหลาย?

สังคมไทยควรกลับมาทบทวนเรื่องนี้อย่างจริงจัง ไม่ใช่แค่ปล่อยอารมณ์และความคิดคะนองไปกับกระแสสังคมที่ถูกสร้างขึ้น...

คนไทยควรก้าวข้ามวิธีการเดิมๆ ของการเมืองแบบเก่าๆ ที่มุ่งเน้นสร้างความเกลียดชัง... เราควรเรียนรู้ที่จะให้โอกาสคนที่พร้อมตั้งใจทำความดีเพื่อสังคมในวันนี้... ไม่ใช่ร่วมสหบาทาเหยียบย่ำผู้อื่นผู้ใดที่มีโอกาสทำดีเพื่อประเทศชาติให้ต้องจมปลักอยู่กับอดีต...

ดั่งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเคยตรัสไว้ว่า

“ความเกลียดเอาชนะความเกลียดไม่ได้ มีแต่ความรักความเมตตาถึงเอาชนะได้”... และ “เราควรหยุดโหยหาอดีต ไม่วิตกกับอนาคต อย่าอยู่กับอดีต อย่าฝันถึงอนาคต ตั้งสติอยู่กับปัจจุบัน... เพราะปัจจุบันเท่านั้นสำคัญที่สุด”

ดังนั้นคนที่สังคมควรน่านับถือและได้รับโอกาสจริงๆ ก็คือคนที่พร้อมแก้ไขสิ่งผิดจากเรื่องที่ผ่านมาในอดีต... คนที่ยืดอกรับผลลัพธ์ของความผิดพลาด... คนที่พร้อมทำดี ทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม...

เมื่อ “สี่ตีนยังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง” ... จะนับอะไรกับชีวิตเด็กหนุ่มจากท้องนาที่มุ่งหาดวงดาว?!?