ธุรกิจท่องเที่ยวที่ค่อนข้างเปิดเสรีทำให้คนเข้ามาเป็นผู้ประกอบการง่ายเกินไปภาพรวมธุรกิจของผู้ประกอบการขาดเสถียรภาพต้องแข่งขันกันเองทั้งในประเทศและต่างประเทศจนทำให้เกิดปัญหามากมายในประเทศขณะนี้
“สุรวัช อัครวรมาศ” เลขาธิการสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) และอุปนายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว(ATTA) รวมทั้งที่ปรึกษากองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวได้พูดถึงมุมคิดและมุมมองที่น่าสนใจมากมายเกี่ยวกับธุรกิจท่องเที่ยวที่ทำรายได้ให้ไทยมหาศาลในแต่ละปี
ผู้บริหารท่านนี้อยู่ในแวดวงการท่องเที่ยวมากว่า30 ปีทำธุรกิจทัวร์จีน ไต้หวันมาตลอดและมีโอกาสได้เข้าไปคลุกคลีกับงานภาครัฐโดยเคยเป็นกรรมาธิการยกร่างพ.ร.บ.ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ.2551 และพ.ร.บ.ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ปี 2559 (ฉบับแก้ไข) จึงทำให้ผู้บริหารท่านนี้มองเรื่องการท่องเที่ยวออกมาได้หลากแง่หลายมุม
ในฐานะของเลขาธิการสทท.เขาบอกว่าปัญหาเรื่องการท่องเที่ยวทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นเรื่องของมาตรฐานธุรกิจท่องเที่ยวการแข่งขันเทคโนโลยีและจรรยาบรรณสิ่งเหล่านี้ทางสทท. กำลังร่างเป็นแนวนโยบายเพื่อเป็นแนวทางในการพูดคุยและขอความร่วมมือจากรัฐบาลประยุทธ์ 2 โดยทั้งหมดจะต้องสอดคล้องไปกับแนวทางการทำงานของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยด้วย
ปัญหาอย่างแรกที่ “สุรวัช” พูดถึงคือการเปิดเสรีในการทำธุรกิจทำให้ขาดมาตรฐานในหลายๆเรื่องเพราะคนสามารถเข้ามาทำธุรกิจการท่องเที่ยวได้ง่ายเกินไป
“การเข้าสู่ธุรกิจท่องเที่ยวของไทยง่ายเกินไป มีเงินหลักประกันแค่หมื่นบาทก็สามารถขอไลเซนส์ทำท่องเที่ยวท้องถิ่นจากกรมการท่องเที่ยวได้แล้วหรือแค่วางเงินหลักประกันวาง 5 หมื่นทำทัวร์ในประเทศวาง 1 แสนบาทสำหรับทั่วต่างประเทศมาเที่ยวไทยและ 2 แสนบาททำเอาต์บาวด์”
เงินหลักประกันของไต้หวันหรือประเทศอื่นอยู่ที่หลักล้านขึ้นเพราะเงินส่วนนี้ถือเป็นหลักประกันที่บริษัทจะต้องถูกยึดหากทำผิดกฎระเบียบ แต่ด้วยจำนวนที่น้อยเกินไปทำให้คนไม่ค่อยแคร์หากจะถูกยึดเงินไปและยังทำให้คนเข้ามาสู่ธุรกิจนี้ง่าย
อีกเรื่องที่ควรเร่งแก้ไขคือภาษี ซึ่งผู้ประกอบการธุรกิจทัวร์เป็นธุรกิจส่งออกด้านบริการไม่ต่างจากสินค้าส่งออกทัวร์ไปเพียงแต่เปลี่ยนรูปแบบของสินค้าเป็นบริการเท่านั้นแต่บริการส่งออกของบริษัททัวร์ไม่สามารถเคลมเงินคืนจากค่าแวตได้ เช่น สินค้าส่งออกอื่นๆ ทำให้เป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้น เรื่องนี้ภาครัฐควรมีการพิจารณาหาแนวทางในการช่วยเหลือ
“ท่องเที่ยวมีภาษีแต่เราไม่สามารถหาอะไรมาหักภาษีคืนได้ รัฐควรช่วยลดต้นทุนเช่นเดียวกับสินค้าส่งออกซึ่งไทยเรามีกฎหมายภาษีบริการอยู่แล้วรัฐควรเข้ามาดูแล”
“สุรวัช” ยังพูดถึงเรื่องของกฎหมายซึ่งปกติสทท. มีคณะกรรมการดูแลเรื่องมัคคุเทศก์อยู่แล้ว ล่าสุดยังมีเรื่องของพ.ร.บ.ธุรกิจท่องเที่ยวแห่งชาติซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานจะมีบอร์ดของสทท.เข้าไปช่วยดูแลอีก 3-4 คนซึ่งตรงนี้จะมีกองทุนที่สภาฯเข้าไปดูแลต้องมีการออกกฎหมายลูกออกมากำกับอีกระลอกหนึ่ง
ส่วนเรื่องของเทคโนโลยีซึ่งเข้ามามีผลกับธุรกิจท่องเที่ยวอย่างมากเรื่องนี้รัฐบาลต้องเข้ามาดูแลอย่างจริงจังโดยเฉพาะเรื่องของข้อมูล(Data) ที่หากตกอยู่ในมือต่างชาติทั้งหมดจะทำให้เขาสามารถใช้เป็นเครื่องมือต่อรองการทำธุรกิจและทำให้ผู้ประกอบการไทยเสียเปรียบอย่างมาก ซึ่งที่ผ่านมากลุ่มผู้ประกอบการคนไทยก็เสียเปรียบกลุ่มทุนจากต่างชาติมาโดยตลอด ยิ่งมีเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามายิ่งทำให้ผู้ประกอบการรายใหญ่มีเครื่องมือทางการตลาดที่หลากหลายทำให้เกิดความเสียหายกับธุรกิจท่องเที่ยวไทยมากขึ้นไปอีก
“สุรวัช” ทิ้งท้ายว่าการบริหารจัดการด้านการท่องเที่ยวหากเสรีเกินไปก็เป็นภัยกับผู้ประกอบการและประเทศ เพราะฉะนั้นผู้กุมนโยบายไม่ควรติดอยู่กับกับดักของคำว่า “เสรี” จนทำให้ผู้ประกอบการและประเทศเสียประโยชน์ไปมากกว่านี้
หน้า 21 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,496 วันที่ 15 - 17 สิงหาคม พ.ศ. 2562