เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ พระราชกฤษฎีกา กําหนดจังหวัดให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยดําเนินกิจการรถไฟฟ้า พ.ศ.2562
เชียง
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรกําหนดให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยดําเนินกิจการรถไฟฟ้า ในบางจังหวัดได้
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 175 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา 7 (1) แห่งพระราชบัญญัติการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พ.ศ.2543 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้
มาตรา 1 พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากําหนดจังหวัดให้การรถไฟฟ้า ขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยดําเนินกิจการรถไฟฟ้า พ.ศ.2562”
มาตรา 2 พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป
มาตรา 3 ให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยดําเนินกิจการรถไฟฟ้าในจังหวัด ดังต่อไปนี้ได้
(1) จังหวัดเชียงใหม่
(2) จังหวัดพังงา
(3) จังหวัดภูเก็ต
(4) จังหวัดนครราชสีมา
มาตรา 4 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
ผู้รับสนองพระราชโองการ
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี
รายละเอียด http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2562/A/044/T_0020.PDF
ทั้งนี้ปัจจุบันการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) อยู่ระหว่างการเร่งศึกษาตามพ.ร.บ.ร่วมทุนในโครงการระบบขนส่งมวลชนเมืองภูเก็ต คาดว่าจะใช้งบลงทุนประมาณ 3 หมื่นล้านบาท ระยะทาง 60 กิโลเมตร ซึ่งแนวเส้นทางจะเกี่ยวเนื่องกับพื้นที่ อ.ท่านุ่นจ.พังงา อีกด้วย ล่าสุดยังอยู่ระหว่างการเจรจาขอใช้พื้นที่ของกรมทางหลวง
สำหรับโครงการในพื้นที่จ.เชียงใหม่นั้น ในเส้นทางแรกคาดว่าจะใช้งบประมาณ 2.8 หมื่นล้านบาท ก่อนที่จะขยายเส้นทางที่ 2 และ 3 ต่อไปตามนโยบายของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีที่ให้แต่ละจังหวัดเริ่มดำเนินการเส้นทางนำร่องไปก่อนแล้วจึงค่อยขยายหากได้รับความนิยมจากประชาชน โดยระบบขนส่งมวลชนเมืองเชียงใหม่คาดว่าทั้ง 3 เส้นทางจะใช้งบลงทุนเกือบ 1 แสนล้านบาท
“ในพื้นที่ขอนแก่นเริ่มดำเนินการไปแล้วจากภาครัฐและภาคเอกชนในพื้นที่ ก่อนที่จะขยายไปยังเส้นทางอื่นตามแผนแม่บทที่ศึกษาไว้ ส่วนจังหวัดอื่นๆนั้นยังมีแผนดำเนินการในพื้นที่จ.นครราชสีมา อุดรธานี สระบุรีทั้งรูปอบบแทรม และรถเมล์โดยสารสาธารณะที่มีเปิดให้บริการไปบ้างแล้วบางจังหวัดก่อนที่จะยกระดับเป็นรถไฟฟ้ารางเบาหากผู้ใช้บริการหนาแน่น”