ประมูลขุมทรัพย์ปิโตรเลียม 2 ล้านล้าน แข่งดุ! 'เชฟรอน' และ 'ปตท.สผ.' หวังกินรวบทั้งบงกชและเอราวัณ โดยแต่ละฝ่ายดึงพันธมิตรอย่าง "มิตซุยและมูบาดาลา" เข้าร่วม ชี้เป็นโอกาสในการทำธุรกิจ ขณะที่ วงในเผยโอกาสชนะให้ทางฝั่งเชฟรอน มีต้นทุนการผลิตต่ำ
เป็นไปอย่างคึกคัก สำหรับการยื่นซองประมูลแหล่งปิโตรเลียมบงกชและเอราวัณ ที่กำลังจะหมดอายุสัมปทานในช่วงปี 2565-2566 เมื่อวันที่ 25 ก.ย. ที่ผ่านมา มีกลุ่มเครือข่ายประชาชนปกป้องประเทศราว 50 คน นำโดย พ.ญ.กมลพรรณ ชีวพันธ์ศรี เดินทางมายังกระทรวงพลังงาน เพื่อคัดค้านการเปิดประมูลแหล่งเอราวัณและบงกช โดยเรียกร้องให้กระทรวงพลังงานชะลอการประมูลปิโตรเลียมออกไปอีก 3 เดือน และจัดตั้งคณะกรรมการเข้ามาศึกษาร่วมกัน พร้อมทั้งแก้ไขทีโออาร์ โดยเฉพาะผลประโยชน์ที่เป็นของรัฐเพียง 30%
[caption id="attachment_325431" align="aligncenter" width="503"]
วีระศักดิ์ พึ่งรัศมี อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ[/caption]
นายวีระศักดิ์ พึ่งรัศมี อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เปิดเผยว่า ในการเปิดประมูลแห่งปิโตรเลียมบงกชและเอราวัณ ที่จะหมดอายุสัมปทานในช่วงปี 2565-2566 ได้มีผู้มายื่นซองประมูลจำนวน 4 ราย ประกอบด้วย แปลง G1/61 (แหล่งเอราวัณ) จำนวน 2 ราย ได้แก่ บริษัท ปตท.สผ. เอนเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ร่วมกับ บริษัท เอ็มพี จี 2 (ประเทศไทย) จำกัด ในเครือมูบาดาลา และบริษัท เชฟรอน ไทยแลนด์ โฮลดิ้งส์ จำกัด ร่วมกับ บริษัท มิตซุย ออยล์ เอ็กซ์ โปลเรชั่น คัมปานี ลิมิเต็ด
ขณะที่ แปลง G2/61 (แหล่งบงกช) มีผู้ยื่นจองจำนวน 2 ราย ได้แก่ บริษัท ปตท.สผ. เอนเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด และบริษัท เชฟรอน ไทยแลนด์ โฮลดิ้งส์ จำกัด ร่วมกับ บริษัท มิตซุยออยล์ เอ็กซโปลเรชั่น คัมปานี ลิมิเต็ด
โดยหลังจากนี้ไป ทางกรมฯ จะใช้เวลาเพื่อพิจารณาผู้ชนะการประมูล
และคาดว่าจะสามารถนำเสนอชื่อผู้ชนะการประมูลไปยังคณะรัฐมนตรีในเดือน ธ.ค. 2561 นี้
[caption id="attachment_325432" align="aligncenter" width="503"]
ไพโรจน์ กวียานันท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด[/caption]
นายไพโรจน์ กวียานันท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทยื่นประมูลทั้งแหล่งเอราวัณบงกช โดยร่วมกับทางมิตซุยฯ ซึ่งเป็นพันธมิตรรายเดิมที่ร่วมดำเนินการในแหล่งเอราวัณในปัจจุบัน โดยในส่วนของราคาที่เสนอไปนั้น ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะอยู่ในข้อกำหนดตามทีโออาร์ แต่มั่นใจว่าจะสามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้อย่างแน่นอน เนื่องจากบริษัทมีประสบการณ์มากกว่า 30 ปี และมีเทคโนโลยีสามารถแข่งขันได้ ซึ่งการยื่นประมูลทั้ง 2 แหล่งนั้น ถือเป็นโอกาสทางธุรกิจที่จะเข้าไปร่วมประมูลได้
นายสมพร ว่องวุฒิพรชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยว่า ปตท.สผ. ได้ร่วมเข้าร่วมกับบริษัท มูบาดาลา ปิโตรเลียม (ประเทศไทย) จำกัด เนื่องจากเป็นผู้ร่วมทุนที่มีศักยภาพ และมีการลงทุนในแหล่งสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในอ่าวไทยอยู่แล้ว จึงมีความเข้าใจพื้นที่ดังกล่าวเป็นอย่างดี ซึ่ง ปตท.สผ. มีความรู้ ประสบการณ์ และความชำนาญ ในแหล่งบงกชตลอดระยะเวลา 25 ปี ทำให้เชื่อว่าจะสามารถชนะ และสร้างความต่อเนื่องในการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยต้นทุนที่แข่งขันได้ และสร้างผลประโยชน์ให้กับประเทศได้มากกว่า
แหล่งข่าวจากวงการอุตสาหกรรมปิโตรเลียม เปิดเผยว่า หากพิจารณาตามหลักเกณฑ์ ผู้ที่จะชนะการประมูล โดยให้น้ำหนักเสนอราคาก๊าซฯ ต่ำสุดถึง 65% และราคาที่เสนอมาต้องไม่เกิน 214 บาทต่อล้านบีทียูนั้น ซึ่งตามต้นทุนหรือราคาขายก๊าซฯ ของแหล่งเอราวัณของเชฟรอนฯ ในช่วงเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา จะอยู่แค่เพียง 170.7 บาทต่อล้านบีทียู หรือราว 5.13 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อล้านบีทียูเท่านั้น ขณะที่ แหล่งบงกชราคาขายก๊าซจะอยู่ที่ราว 209 บาทต่อล้านบีทียู หรือที่ราว 6.3 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อล้านบีทียู เนื่องจากมีต้นทุนในการดำเนินงานที่สูงกว่า
ดังนั้น ด้วยต้นทุนการผลิตที่ต่ำอยู่แล้ว ประกอบกับทางผู้ยื่นทั้ง 2 ราย หวังที่จะชนะ ซึ่งจะต้องดัมพ์ราคาขายก๊าซให้ต่ำลงมามาก หากพิจารณาจากต้นทุนที่เป็นอยู่นี้
โอกาสที่เชฟรอนจะชนะก็มีสูงมาก
อย่างไรก็ตาม
แม้เชฟรอนจะชนะการประมูลในแหล่งเอราวัณก็ตาม แต่ก็มีความเสี่ยงในด้านปริมาณสำรองก๊าซที่เหลือน้อยลง จึงต้องลงทุนจำนวนมากในการสำรวจและขุดเจาะ เนื่องจากที่ผ่านมา ได้มีการเจาะหลุมและผลิตก๊าซขึ้นมาเป็นจำนวนมากแล้ว ส่วนแหล่งบงกชจะมีปริมาณก๊าซที่ยังเหลือเป็นจำนวนมาก การลงทุนสำรวจและขุดเจาะ จะใช้เงินลงทุนในปริมาณที่น้อยกว่า
โดยในเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา แหล่งเอราวัณมีรายได้จากการขายก๊าซธรรมชาติเหลว 420 ล้านบาท และก๊าซธรรมชาติ 846 ล้านบาท ส่วนแหล่งบงกชมีรายได้ขายก๊าซ 2,761 ล้านบาท
นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานกรรมการ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หากการประมูลครั้งนี้ต้องเลื่อนออกไป จะส่งผลกระทบต่อรายได้ของภาครัฐที่หายไปมหาศาล จากรายได้ ภาษี ค่าภาคหลวง ผลประโยชน์ตอบแทนจากปิโตรเลียมที่ส่งเข้ารัฐอยู่ที่ 1.6-2 แสนล้านบาทต่อปี รวมถึงการนำเข้าก๊าซแอลเอ็นจีและก๊าซหุงต้มที่สูงขึ้นด้วย เพื่อมาทดแทนวัตถุดิบในการผลิตปิโตรเคมี
……………….
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,404 วันที่ 27-29 ก.ย. 2561 หน้า 01+15
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
●
PTTEP งัดเชฟรอนกินรวบแหล่งก๊าซ
●
ปตท.สผ. - เชฟรอน ชิงประมูล "บงกช - เอราวัณ"