ทุนต่างชาติไหลออกจากหุ้นไทยแล้วกว่า 1.66 แสนล้านบาท คาดอ่อนตัวในครึ่งหลัง เหตุสัดส่วนถือครองหุ้นไทยของต่างชาติต่ำสุดรอบ 3 ปี ลุ้นปัจจัยใน ปท. กำไร บจ. 'กลุ่มแบงก์-พลังงาน' , ลงทุนรัฐ-อีอีซี หนุน บล.ทรีนีตี้ฯ-บล.กสิกรไทยฯ มองจุดต่ำแล้ว ระดับ 1650-1680 จุด แนะซื้อสะสม
นับตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (1 ม.ค. - 18 มิ.ย. 61) เงินทุนต่างชาติ (Fund Flow) ได้ไหลออกจากตลาดหุ้นไทย โดยขายออกสุทธิราว 1.66 แสนล้านบาท ขณะที่ ตลาดตราสารหนี้ยังเป็นบวกสุทธิ 1.8 หมื่นล้านบาท และเป็นการไหลออกจากประเทศภูมิภาครวมกว่า 5.5 แสนล้านบาท
นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทรีนีตี้ จำกัด กล่าวกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า กระแสเงินทุนต่างชาติไหลออกในครึ่งปีหลัง คงไม่มากเท่ากับครึ่งปีแรก ที่มากกว่า 1.6 แสนล้านบาท โดยไทยเป็นรองจากไต้หวันและญี่ปุ่นเท่านั้น แต่โอกาสที่ต่างชาติจะกลับมาซื้อสุทธิก็ค่อนข้างลำบากเช่นกัน เนื่องจากสภาพคล่องการเงินโลกเริ่มปรับลดลง จากการที่ธนาคารกลางหลายประเทศเริ่มดึงเงินกลับ อาทิ รัฐบาลสหรัฐฯ ลดขนาดงบดุล เฟดขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้ทั้งปีปรับขึ้น 4 ครั้ง , ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะสิ้นสุดการเพิ่มปริมาณเงินสู่ระบบ (QE) ถึงสิ้นปีนี้ และอาจเห็นอีซีบีขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในครึ่งหลังของปีหน้า
สิ่งที่ตลาดจะคาดหวังได้ คือ ปัจจัยภายในประเทศ โดยเฉพาะผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) และโรดแมปการเลือกตั้ง ว่า จะเกิดขึ้น 100% ในครึ่งปีแรกของปีหน้าหรือไม่
"ถ้าจะคาดหวังให้ EPS (Earnings Per Share) ตลาดหุ้นปรับขึ้นได้ ต้องพึ่งกลุ่มธนาคารพาณิชย์ในไตรมาสที่เหลือ ซึ่งยังมีอัพไซด์ หลังจากรับข่าวร้ายไปมากแล้ว ทั้งเรื่องรายได้ค่าธรรมเนียมที่ลดลง ผลจากมาตรฐานบัญชีใหม่ และกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี แต่หากราคาน้ำมันครึ่งปีหลังปรับลด ก็อาจทำให้กำไรของกลุ่มนี้และตลาดปรับลง"
บล.ทรีนีตี้ฯ ยังคงกรอบบนของดัชนีที่ 1860 จุด ซึ่งปรับขึ้นไปทดสอบเมื่อต้นปีแล้ว และอาจเป็นจุดพีกสุดของปี ส่วนจุดต่ำสุดประเมินจากระดับ Forward P/E 14 เท่า อิง EPS ปี 2562 ที่ 120 บาทต่อหุ้น จะอยู่ระดับ 1680 จุด ซึ่งเป็นระดับที่เหมาะกับการลงทุนซื้อสะสมแล้ว แต่ก็ยังมีโอกาสที่ปรับลงมาทดสอบที่ 1540 จุด (อิง EPS ปีนี้ที่ 110 บาทต่อหุ้น)
[caption id="attachment_292601" align="aligncenter" width="503"]
ปริญญ์ พานิชภักดิ์
กรรมการผู้จัดการ บล.ซี แอล เอส เอ (ประเทศไทย)ฯ[/caption]
นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บล.ซี แอล เอส เอ (ประเทศไทย)ฯ กล่าวว่า ตนยังเชื่อว่า หากการเมืองมีโรดแมปการเลือกตั้งที่ชัดเจน จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นตลาดหุ้นไทยในครึ่งปีหลัง ประกอบกับโครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน กฎหมายอีอีซีผ่าน หากรัฐเร่งให้มีการลงทุน บริษัทยักษ์ใหญ่ข้ามชาติมาเซ็นสัญญาปักหมุดมาลงทุน จะส่งผลบวกในเชิงจิตวิทยาลงทุน ตนยังมองแง่บวกว่า ดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสจะปรับเกิน 1900 จุด ได้ในปีนี้
[caption id="attachment_292602" align="aligncenter" width="335"]
ประกิต สิริวัฒนเกตุ
ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย จก. (มหาชน)[/caption]
นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย จก. (มหาชน) กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยยังมีแนวโน้มปรับลงตามภูมิภาค หลังจากที่สหรัฐฯ เตรียมเก็บภาษีเพิ่มจากจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมีแนวรับสำคัญที่ Forward P/E 14.6 เท่า ในระดับ 1650 จุด (อิง EPS 112.7 บาทต่อหุ้น)
แต่หากปัจจัยลบต่าง ๆ จากต่างประเทศไม่เพิ่มมากไปกว่าเดิม ด้วยปัจจัยเศรษฐกิจในประเทศที่แข็งแกร่ง เชื่อว่า ดัชนีหุ้นน่าจะเริ่มหยุดการปรับลดลงที่ 1650 จุด ได้
ทั้งนี้ สถานะการถือครองหุ้นไทยของต่างชาติ ปัจจุบัน อยู่ที่ 31.14% ของมูลค่าตามราคาตลาด (Market Cap) ถือว่าต่ำสุดในรอบ 3 ปี แต่จากกระแสการขายของนักลงทุนต่างประเทศ ที่ยังขายไม่หยุด ทำให้มีความเสี่ยงที่สถานะการถือครองจะลดลงต่อเนื่องยังมีอยู่ (จากระดับต่ำสุดในรอบ 14 ปี อยู่ที่ 30.67% เมื่อปี 2559) โดยหากสถานการณ์ถือครองลงไปสู่ระดับนี้ ต่างชาติต้องถอนการถือครอง 6-7 หมื่นล้านบาท
……………….
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,376 วันที่ 21-23 มิ.ย. 2561 หน้า 17
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
●
ปัจจัยต่างประเทศกดดันทุนไหลออก
●
ธ.กลางจีนเล็งเพิ่มสภาพคล่อง หลังทุนหยวนเหือดจากตลาด หวั่นทุนไหลออก