อัด100 ล.ดันร้านค้าประชารัฐ สสว. ตั้งเป้า 148 แห่งในปั๊มมีรายได้ 3 แสนบาท/เดือน
Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่
บอร์ด สสว. อนุมัติเงินกองทุน 100 ล้านบาท ผลักดันโครงการร้านค้าประชารัฐในปั๊มน้ำมัน ปตท. 148 แห่งให้เกิด โดยมีเงินอุดหนุทั้งค่าน้ำและค่าไฟฟ้าให้ พร้อมลุยงานให้เห็นผลในช่วงไตรมาสแรกนี้เป็นต้นไป ตั้งเป้าก่อให้เกิดรายได้ชุมชนปีละ 50 ล้านบาท ร้านค้าแห่งละ 3 แสนต่อเดือน สร้างประชาชนร่วมผลิตสินค้า 1.48 แสนคนต่อปี พร้อมอัดงบอีก 1 พันล้านจัดตั้งกองทุนพลิกฟื้นเอสเอ็มอี ที่มีปัญหาเข้าถึงแหล่งเงินทุนยาก
นางสาลินี วังตาล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหรือสสว. เปิดเผยกับ"ฐานเศรษฐกิจ"ว่า ในการประชุมคณะกรรมการบริหารหรือบอร์ดสสว. มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเมื่อวันที่ 7 มกราคม ที่ผ่านมา เพื่อเร่งรัดการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมหรือเอสเอ็มอีนั้น ได้เห็นชอบจัดสรรเงินจากกองทุนสสว.จำนวน 100 ล้านบาท เพื่อนำมาใช้ผลักดันโครงการประชารัฐเพื่อวิสาหกิจชุมชน จัดตั้งร้านค้าประชารัฐในสถานีบริการน้ำมันบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) จำนวน 148 แห่ง ให้เกิดขึ้น เพื่อให้ผู้ผลิตสินค้าโอท็อป และวิสาหกิจชุมชนมีสถานที่จำหน่ายสินค้าถาวร รวมทั้งปรับมาตรการสินค้าให้เป็นที่ต้องการของตลาด
โดยการจัดสรรเงินดังกล่าวจะเริ่มนำมาใช้ตั้งแต่ในไตรมาสแรกของปีนี้เป็นต้นไป มีระยะเวลาดำเนินการถึงสิ้นปี 2561ซึ่งจะมีการกันเงินส่วนหนึ่งไว้ใช้สำหรับการอุดหนุนค่าน้ำ ค่าไฟฟ้าและค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ดให้กับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ 148 แห่ง ในขณะที่สถานีบริการน้ำมันปตท.จะสนับสนุนสถานที่ตั้ง ไม่คิดค่าเช่า โดยได้มีการวางเป้าหมายหรือผลที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการร้านค้าประชารัฐไว้ในปี 2559 จะต้องมีจำนวนสินค้าที่วางขายอย่างต่ำ 7.4 พันรายการต่อปี และสูงสุด 3 หมื่นรายการต่อปี โดยคิดจาก 1 ร้านมีสินค้าวางขาย 50 รายการเป็นอย่างต่ำ และจะมีจำนวนประชาชนที่ร่วมผลิตสินค้า 1.48 แสนรายต่อปี และมีจำนวนชุมชนซึ่งเป็นผู้ผลิตสินค้าชุมชนละ 1 สินค้า จำนวน 7.4 พันชุมชนต่อปี มีสินค้าได้รับการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ปีละ 500 รายการทั้งนี้ จากการดำเนินงานทั้งหมดในช่วง 3 ปี(2559-2561) จะทำให้ชุมชนมีรายได้ปีละ 50 ล้านบาท และทำให้ร้านค้าประชารัฐมีรายได้ต่อแห่งประมาณ 3 แสนบาทต่อเดือนสามารถจ้างแรงงานในการจำหน่ายสินค้าได้ปีละ 18 ล้านบาท หรือ 54 ล้านบาทในช่วง 3 ปี ซึ่งจากการสนับสนุนดังกล่าวจะช่วยให้วิสาหกิจชุมชนสามารถบริหารจัดการเองได้ภายในระยะเวลา 3 ปี
"โครงการร้านค้าประชารัฐ ดำเนินการภายใต้การบูรณาการความร่วมมือ 5 หน่วยงาน ประกอบด้วยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สนับสนุนการสร้างร้านค้าประชารัฐ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) สนับสนุนพื้นที่ในสถานีบริการน้ำมัน ปตท. โดยไม่คิดค่าเช่า กรมการพัฒนาชุมชน และ สสว. ร่วมกันคัดสรรสินค้าจากโอท็อปและวิสาหกิจชุมชน โดยปรับมาตรฐานและรับรองคุณภาพสินค้า รวมทั้งช่วยดูแลการบริหารจัดการของร้านค้าประชารัฐ เช่นการจัดหาบุคลากร และการขนส่งสินค้า ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) ช่วยสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนให้แก่ชุมชนที่ส่งสินค้ามาขาย"
นางสาลินี กล่าวอีกว่า นอกจากนี้บอร์ดสสว.ยังอนุมัติจัดสรรเงินกองทุนอีก 1 พันล้านบาท เพื่อนำไปจัดตั้งกองทุนพลิกฟื้นเอสเอ็มอีสำหรับให้สสว.ไปดำเนินการให้ความช่วยเหลือเอสเอ็มอีและธุรกิจการเกษตรที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ ซึ่งสสว.จะให้การช่วยเหลือโดยจะคัดเลือกจากลูกค้าธนาคารของรัฐที่มีปัญหาในการจ่ายชำระหนี้ แต่มีความบริสุทธิ์ในที่จะดำเนินธุรกิจต่อไป หรือเอสเอ็มอีที่เป็นนิติบุคคล ส่งงบการเงินให้กับกระทรวงพาณิชย์อย่างสม่ำเสมอ และมียอดขายลดลงค่อนข้างมากอย่างต่อเนื่องในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
โดยจะวินิจฉัยเชิงลึกเป็นรายกิจการเพื่อหาปัญหาที่จำเป็นต้องปรับปรุง ทั้งในด้านการผลิต และการจำหน่าย และหากเอสเอ็มอีรายใด มีความตั้งใจที่จะประกอบธุรกิจต่อไป และยังมีศักยภาพเพียงพอ สสว. จะประสานงานกับเจ้าหนี้เดิมเพื่อขอปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ซึ่งในกรณีที่เอสเอ็มอีได้ปรับโครงสร้างหนี้แล้ว จำเป็นต้องได้รับสภาพคล่องเพิ่ม สสว. จะพิจารณา ให้กู้ยืมจากกองทุนพลิกฟื้นของ สสว. เป็นเงินกู้ระยะยาว ไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ย
ขณะที่โครงการส่งเสริมเอสเอ็มอีที่ทำกิจการอยู่แล้วให้เติบโตได้ยิ่งขึ้น สสว. จะทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และจะให้ผู้เชี่ยวชาญเข้าวินิจฉัยในเชิงลึกเป็นรายกิจการและหาทางช่วยปรับปรุงการผลิต การให้บริการ และการจำหน่าย ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) จะให้การสนับสนุนทางด้านการเงินในกรณีที่เอสเอ็มอีต้องการปรับปรุงหรือขยายกิจการ โดยมีเป้าหมาย 1 หมื่นราย ภายในปี 2559 ซึ่งได้รับการจัดสรรเงินจากองทุนจำนวน 200 ล้านบาท
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,121 วันที่ 10-13 มกราคม พ.ศ. 2559