"ฐานเศรษฐกิจ"ปฏิบัติตามวิชาชีพ "ข่าวธรรมกายนำเงินบริจาคเล่นหุ้น" มีข้อมูล+หลักฐานจาก"จนท.รัฐ"ยืนยัน

16 มี.ค. 2560 | 06:28 น.
อัปเดตล่าสุด :16 มี.ค. 2560 | 13:30 น.
-16มีค.60-ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  กรณีหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ สื่อในเครือสปริง กรุ๊ป ฉบับ 3244 ระหว่างวันที่ 16-18 มี.ค.2560 เปิดเผยว่า "ตะลึง! เงินบริจาควัดพระธรรมกายนับพันล้าน ถูกโยกไปเปิดบัญชีผ่าน บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ฯ ซื้อขายหุ้นกลุ่มแลนด์แอนด์เฮ้าส์-โฮมโปร-แบงก์แลนด์และหุ้นในมือของเสี่ยสอง กระทรวงยุติธรรมพบเสียหายหนัก"
ใจความของข่าวนี้ระบุว่า คดีการรับของโจรและฟอกเงินที่เจ้าหน้าที่กล่าวหาพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย รวมทั้งคดีในเครือข่ายวัดพระธรรมกายในหลายคดี มีความชัดเจนมากขึ้น ทั้งคดีที่พระระดับรักษาการเจ้าอาวาส มีหน้าที่รักษาทรัพย์สินหรือเงินบริจาคที่ได้มาเป็นสมบัติของวัด ตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ แต่มีการโยกเงินออกไปซื้อขายหุ้นสร้างความเสียหายให้กับวัด ซึ่งถือเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157

แหล่งข่าวจากกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของวัดพระธรรมกาย ต.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และสำนักงานอัยการสูงสุดพบว่า ในคดีรับเช็คของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ที่นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น นำมามอบให้ พระไชยบูลย์ สุทธิผล หรือ “พระธัมมชโย” วัดพระธรรมกาย ในช่วงระหว่างปี 2552 – 2555 มีจำนวน 13 ฉบับ เป็นเงิน 768.4 ล้านบาท จากเงินที่มีการยักยอกมาบริจาคให้วัดพระธรรมกาย 1,400 ล้านบาท

ปรากฏว่าในระหว่างปี 2553 – 2559 ผู้บริหารวัดพระธรรมกาย ได้โอนเงินให้เจ้าหน้าที่การเงินกลุ่มหนึ่งนำไปเล่นหุ้น โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มอสังหาริม ทรัพย์ ในกลุ่มบริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ฯ อาทิ เช่น หุ้นบริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ฯ (HMPRO) หุ้นบริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ฯ (LH) หุ้นบริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ฯ (AP) ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท เอพี (ไทยแลนด์)ฯ หุ้นบริษัท แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ปฯ (LHBANK)

นอกจากนี้ ยังแบ่งไปเล่นหุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวพันกับนายสอง วัชรศรีโรจน์ หรือเสี่ยโทนี่ อาทิเช่น หุ้นบริษัท อินเตอร์ แนชั่นเนิลเอนจีเนียริงฯ (IEC)  ที่มีนางสัณห์จุฑา วิชชาวุธ หลานสาวเสี่ยสองที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ หุ้นบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม เอ็มเอฟซีฯ (MFC) ที่นายสองถือหุ้นเป็นอันดับ 4 ร่วม 4.3 ล้านหุ้น คิดเป็น 3.5%

ด้านราคาหุ้นของบริษัท 6 แห่งดังกล่าว พบว่า  ราคาหุ้นส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นสูงสุดในปี 2556 เช่น AP ราคาสูงสุดที่ 10.70 บาท วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2556  LH  สูงสุดที่ 14.10 บาทในวันที่ 18 มีนาคม 2556  HMPRO ขึ้นไปสูงสุด 17.40 บาท วันที่ 2 เมษายน 2556 MFC ราคาสูงสุดที่ 58 บาท วันที่ 5 มิถุนายน 2556 ส่วน  LHBANK ขึ้นสูงสุดที่ 2.28 บาท ในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2557  และ IEC  สูงสุดที่ 0.09 บาท ในวันที่ 28 ตุลาคม 2557

ทั้งนี้ ข้อมูลทางการเงินที่มีการตรวจสอบพบว่า ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ของวัดและผู้ที่เกี่ยวข้องมีการนำเงินไปเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นผ่านทางโบรกเกอร์ 2-3 แห่ง วงเงินรวมกว่า 1,300 ล้านบาท ต่อมามีการปิดบัญชีในโบรก เกอร์อื่นๆและมีการโอนเงินไปเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นกับบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ บล.แอล เอชฯ จนสร้างความเสียหายให้กับการเงินของวัดพระธรรมกายกว่า 1,000 ล้านบาท

แหล่งข่าวกล่าวว่า พฤติกรรมการซื้อขายหุ้นมีความเกี่ยวพันกับพระราชภาวนาจารย์ (พระทัตตชีโว หรือ เผด็จ ทัตตชีโว) และพระธัมมชโย ถือเป็นการกระทำที่ผิด พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2535 ประกอบกับกฎกระทรวงฉบับที่ 2 (พ.ศ.2511) เรื่องการเก็บรักษาเงินของวัด

ทั้งนี้ ในช่วงที่เกิดเหตุปี 2553 – 2559 พระทัตตชีโว อยู่ในตำแหน่งรักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เป็นเจ้าพนักงานตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ มาตรา 45 และมีอำนาจหน้าที่ตามมาตรา 37 และ 38 แต่มิได้ปฏิบัติตาม จึงเข้าข่ายกระทำการฝ่าฝืนต่อกฎกระทรวง ซึ่งออกตามความใน พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 กรณีการดำเนินกิจการของวัดเกี่ยวกับทรัพย์สินที่ได้มา เป็นศาสนสมบัติของวัด แต่กลับไม่ได้ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย จนทำให้เกิดความเสียหายกับเงินของวัดจำนวนมาก ดังนั้น พระทัตตชีโว จึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ฯลฯ

P1-SCOOP-3244

“ข้อมูลทั้งหมดนี้ทางกระทรวงยุติธรรม และสำนักงานพระพุทธศาสนาฯได้รายงานให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รับทราบแล้ว และเป็นฐานข้อมูลที่นำไปสู่การปลดสมณศักดิ์พระทัตตชีโว เพราะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการโอนเงินที่นายศุภชัย ยักยอกมาจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จากผู้ฝากเงินกว่า 5 หมื่นคนที่ยังถอนเงินไม่ได้ แต่มีการถูกโยกออกไปเล่นหุ้น” แหล่งข่าวชี้แจง

นายปริย เตชะมวลไววิทย์  ผู้อำนวยการฝ่ายเลขาธิการและสื่อสารองค์กร สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ขณะนี้ ก.ล.ต.ประสานความร่วมมือกับทางดีเอสไออยู่ ถ้ามีการขอข้อมูลทางการเงิน ก็ยินดีให้ความร่วมมือในเรื่องการตรวจสอบการซื้อขายหุ้นของวัดพระธรรมกาย ทั้งในรูปของบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลที่ใช้บัญชีซื้อขายหุ้น

“ตามหลักของตลาดทุน ไม่มีข้อห้ามว่าคนเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นจะเป็นพระหรือวัด” โฆษก ก.ล.ต.กล่าว

แหล่งข่าวจาก บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ฯ ชี้แจงว่า คงไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลลูกค้าที่ซื้อขายหุ้นต่อสาธารณะได้ แต่ถ้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหรือดีเอสไอประสานมา สามารถให้ข้อมูลกับตลาดหลักทรัพย์ฯได้ เพราะถ้าเปิดเผยจะมีผลต่อสำนวนทางคดี

ก่อนหน้านี้ นายขจรศักดิ์ พุทธานุภาพ อัยการพิเศษฝ่ายสำนักงานคดีสอบสวน 3 เปิดเผยว่า เงินที่ถูกโอนหรือโยกไปเล่นหุ้นทั้งหมดที่ตรวจพบมีกว่า 1,000 ล้านบาท ในเบื้องต้นพบว่ามีบริษัทโบรกเกอร์แห่งหนึ่งเป็นผู้ดำเนินการซื้อขายหุ้นให้ และมีพระที่ดูแลเรื่องเงินของวัดเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยหลายรูป

นายขจรศักดิ์ยังยอมรับอีกว่า เงินวัดพระธรรมกายที่มีการนำไปเล่นหุ้น มีพ่อมดการเงินที่เป็นเซียนหุ้นชื่อย่อ" ส. "เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย

ทั้งนี้ จากการสอบถามไปยังผู้บริหารบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ถึงกรณีการนำเงินของวัดพระธรรมกาย ไปลงทุนในหุ้นกลุ่มนั้น เบื้องต้นคณะผู้บริหารยังไม่มีคำตอบใดๆ ออกมาในช่วงเวลาอันใกล้นี้ ซึ่งหากมีความชัดเจนก็จะรีบชี้แจงโดยทันที

เมื่อวันที่15มี.ค.สำนักสื่อสารองค์กรวัดพระธรรมกายเเถลงว่า วัดพระธรรมกายปฏิเสธข่าวนำเงินวัดไปเล่นหุ้น โดยรายงานว่า จากกรณีมีข่าวอ้างว่า เงินบริจาควัดพระธรรมกายนับพันล้านบาท ถูกนำไปซื้อขายหุ้นในบริษัทหรือให้บุคคลต่างๆเล่นหุ้นนั้น วัดพระธรรมกายขอชี้เเจงว่าข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริงเเต่ประการใด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันเดียวกับที่สำนักสื่อสารองค์กรวัดพระธรรมกายออกเเถลงการณ์นั้น   นายขจรศักดิ์ พุทธานุภาพ อัยการพิเศษ สำนักการสอบสวน 3 และ พ.ต.อ.ปกรณ์ สุชีวกุล ผบ.สำนักคดีการเงินการธนาคาร ดีเอสไอ กล่าวภายหลังการประชุมคณะพนักงานสอบสวนในคดีพิเศษที่เกี่ยวเนื่องกับการฟอกเงินของวัดพระธรรมกาย อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ว่า การประชุมร่วมระหว่างดีเอสไอและอัยการเพื่อวางแนวทางการสอบสวนคดีฟอกเงิน ที่นำเงินวัดไปซื้อหุ้นอย่างต่อเนื่อง และคดีเกี่ยวกับทรัพย์มูลนิธิวัดพระธรรมกาย ซึ่งเป็นการแตกการสอบสวนเป็นคดีใหม่ตามที่ก่อนหน้านี้ พบหลักฐานจากการตรวจสอบธุรกรรมการเงินของวัดพระธรรมกาย

"โดยมีความชัดเจนว่า พระทัตตชีโวนำเงินออกจากบัญชีของวัดไปซื้อหุ้น ซึ่งพระทัตตชีโวมีตำแหน่งเป็นรองเจ้าอาวาสและรักษาการเจ้าอาวาส จึงถือเป็นตำแหน่งเจ้าพนักงาน เข้าข่ายมีความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วย ขณะนี้ คดีอยู่ระหว่างการสอบสวน ซึ่งหลังจากนี้อาจมีหลักฐานมากกว่าที่ปรากฏ"

สำหรับการประชุมในวันนี้ (15 มี.ค.) ได้จัดกลุ่มคดี 15 สำนวย กระจายความรับผิดชอบให้ชุดสอบสวนรับไปดำเนินการ เช่น มูลนิธิ, กลุ่มบุคคล, บุคคล ที่นำเงินไปซื้อที่ดินแล้ว ไม่ได้ยกให้เป็นที่ดินของวัดหรือธรณีสงฆ์

นายขจรศักดิ์ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นในการสอบสวนการฟอกเงินในส่วนของ น.ส.อลิสา อัศวโภคิน และนายอนันต์ อัศวโภคิน ที่ซื้อต่อที่ดินมาจาก นายศุภชัย ศรีศุภอักษร โดยคดีดังกล่าวอยู่ในความรับผิดชอบสำนักคดีอื่น ทราบว่า ส่วนสืบสวนสำนักคดีเทคโนโลยีและการตรวจสอบ 2 กำลังตรวจสอบเส้นทางการเงิน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เเต่เมื่อวันที่14มี.ค.ที่ผ่านมา  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. กล่าวภายหลังประชุมครม. กรณีข้อเท็จจริงที่ดีเอสไอระบุว่าพระทัตตชีโว รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เกี่ยวข้องกับกลุ่มบุคคลที่นำเช็คของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นที่บริจาคให้วัดพระธรรมกายไปเล่นหุ้นว่า "ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ต้องรอพิสูจน์ทราบก่อน ซึ่งกระบวนการยุติธรรมกำลังดำเนินการทุกกรณีที่เกี่ยวข้อง และต้องทำควบคู่ไปกับการฟื้นฟูสหกรณ์ฯ ด้วยว่ามีความเดือดร้อนเรื่องใด จึงเป็นเหตุผลที่ต้องหาหลักฐานทางการเงินให้ชัดเจน ขอให้ทุกคนอดทนรอผลการดำเนินการ"

หลักฐานเรื่องนี้นั้น ผู้สื่อข่าวเมื่อวันที่ 8 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี "เรื่อง การถอดถอนสมณศักดิ์ มีรายละเอียดระบุว่า ด้วย พระราชภาวนาจารย์ (พระทัตตชีโว หรือเผด็จ ทัตตชีโว)วัดพระธรรมกาย จ.ปทุมธานี เข้าข่ายการเป็นผู้ต้องหาในคดีที่เกี่ยวเนื่องกับการให้ที่พักพิงแก่ผู้ต้องหา และการนําเงินของวัดพระธรรมกายไปเล่นหุ้น เป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้น การปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.157 และยังเป็นผู้ต้องหากระทําความผิด โดยฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคําสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 5/2560ลงวันที่ 15 ก.พ. 2560 โดยพนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกให้ผู้ต้องหามาพบ และรายงานตัว แต่ผู้ต้องหาไม่มาตามกําหนด พนักงานสอบสวนจึงได้ออกหมายเรียกอีก จนถึงปัจจุบันผู้ต้องหาก็ยังไม่มาพบพนักงานสอบสวนแต่อย่างใด จึงไม่สมควรดํารงอยู่ในสมณศักดิ์ต่อไป และได้นําความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมต่อไปแล้ว

บัดนี้ ได้มีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ถอดถอน พระราชภาวนาจารย์ (พระทัตตชีโว หรือเผด็จ ทัตตชีโว) ออกจากสมณศักดิ์ ตั้งแต่วันที่ 7 มี.ค. 2560 ประกาศ ณ วันที่ 8 มี.ค. พ.ศ. 2560

ผู้รับสนองพระราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

316694
ล่าสุดวันนี้ (16 มีค.60) ผู้สื่อข่าวรายงานจากกองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 (บก.ตชด.ภ.1)ว่า  พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินการติดตามจับกุมตัวพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายว่า ปัจจุบันหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังประชุมร่วมกันอยู่ทุกวัน เพื่อประเมินสถานการณ์ประจำวันในการปฏิบัติหน้าที่

พ.ต.ต.วรณันกล่าวว่า    ส่วนกรณีที่ดีเอสไอได้มีการออกคำสั่งเรียกพระเเละศิษย์วัดพระธรรมกายให้มารายงานตัวนั้น ขณะนี้มีจำนวน 317 คน โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ1. เรียกให้มารายงานตัว 258 ราย  2.มีคำสั่งห้ามเข้าพื้นที่ 94 ราย ซึ่งขณะนี้มีผู้ที่มาตามคำสั่งดังกล่าวแล้ว 171 ราย โดยเมื่อวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา มาพบเจ้าหน้าที่อีก 20 ราย

พ.ต.ต.วรณัน กล่าวต่อว่า   พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ   สั่งการให้พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล ผู้บัญชาการสำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งกรมแผนที่ทหารบก ดำเนินการตรวจสอบที่ดินรังวัดและข้อเท็จจริงต่าง ๆ ในพื้นที่ที่ปลูกสร้างอาคารบุญรักษา  เพื่อให้ทราบแน่ชัดว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของใคร หากเป็นของน.ส.อลิสา อัศวโภคิน บุตรสาวของนายอนันต์ อัศวโภคิน  ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการบริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด(มหาชน)จริง ก็จะต้องดำเนินการออกหมายเรียกมาสอบถามข้อเท็จจริงถึงที่มาที่ไปในการสร้างอาคาร และการอนุญาตให้วัดพระธรรมกายใช้สถานที่ เหมือนกรณีของน.ส.ศรวรรณ ศิริสุทรินทร์ หรือ ป้าเชง เจ้าของตลาดป้าเชง คลองหลวง

พ.ต.ต.วรณัน กล่าวอีกว่า สำหรับประเด็นที่พระทัตตชีโว รักษาการเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายนำเงินจากบัญชีของวัดพระธรรมกายที่ได้จากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นไปซื้อหุ้นตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้พบคดีเพิ่มเติมอีก 4 คดี หนึ่งในนั้นคือพระทัตตชีโวไปซื้อหุ้น      ซึ่งต้องตรวจสอบเส้นทางการเงินและประสานไปยังคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ว่าเข้าข่ายผิดกฎการซื้อขายหุ้นว่า  เข้าข่ายผิดระเบียบการซื้อขายหรือไม่ หากเชื่อมโยงไปถึงใครก็จะเรียกตัวไปสอบถามต่อไป

" เบื้องต้นทราบว่าพระทัตตชีโวจะเดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาในช่วงปลายเดือน มี.ค.นี้  ส่วนพระสงฆ์ตามหมายเรียก 14 รูป ขณะนี้ได้เข้าพบอัยการเพื่อรับทราบข้อกล่าวหากรณีขัดคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แล้ว 11 รูป ยังเหลือพระทัตตชีโว พระครูใบฎีกา และพระธัมมชัยโย เพียงเท่านั้น"พ.ต.ต.วรณัน กล่าว

พ.ต.ต.วรณัน กล่าวด้วยว่า ส่วนความคืบหน้าการประสานให้เจ้าหน้าที่ของวัดดำเนินการปรับสภาพพื้นที่รอบบริเวณอาคารบุญรักษานั้น ได้กำชับให้เร่งดำเนินการแล้ว ซึ่งพบว่าบริเวณคูคลองที่มีการขุดไว้บริเวณอาคารบุญรักษายังไม่มีการดำเนินการกลับสู่สภาพเดิม นอกจากนี้ บริเวณประตู 4 ประตู 5 และ ประตู 6 วัดพระธรรมกาย ก็ยังไม่เกิดความเรียบร้อย โดยพบว่ายังมีสแลน เต๊นท์ และสิ่งกีดขวางอยู่

"ส่วนยอดรวมการดำเนินคดีที่เกี่ยวข้องกับการที่ดีเอสไอเข้าตรวจค้นวัดพระธรรมกาย มีทั้งหมด 47 คดี ซึ่งเป็นคดีที่เกิดในช่วงที่ประกาศให้พื้นที่วัดพระธรรมกายเป็นพื้นที่ควบคุมตามมาตรา 44 เป็นคดีในความรับผิดชอบของกองปราบ 5 คดี สภ.คลองหลวง 28 คดี และ สภ.คลองห้า อีก 14 คดี"พ.ต.ต.วรณันกล่าว